บทความ

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด (perfect storm) ประชาธิปไตยอเมริกัน: ข่าวกรองไม่ได้ล้มเหลว (not an intelligence failure)

Trump supporters surround the Capitol on Jan. 6. (Evelyn Hockstein/For The Washington Post)
ที่มาภาพ: https://www.washingtonpost.com/politics/capitol-police-intelligence-warning/2021/01/15/c8b50744-5742-11eb-a08b-f1381ef3d207_story.html

การก่อเหตุรุนแรงของฝูงชน (mob) ที่โจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจและบังคับเปิดทางเข้าไปสร้างความวุ่นวายในรัฐสภาสหรัฐฯเมื่อต้นมกราคม 2020 เป็นส่วนหนึ่งของการจลาจลที่ได้รับการสนับสนุนโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การปกป้องอาคารรัฐสภาและพื้นที่โดยรอบ (Capitol Complex) เป็นงานยากและมีความท้าทายเกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์และการส่งกำลังบำรุง (logistics) อีกทั้งตำรวจรัฐสภาไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือฝูงชนผู้ก่อเหตุ ซึ่งพูดคุยถึงแผนการชุมนุมที่รัฐสภาอย่างเปิดเผยมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าสหรัฐฯจำเป็นต้องสอบสวนเชิงลึกและไม่เลือกข้างเกี่ยวกับความล้มเหลวของการรักษาความปลอดภัยในเหตุจลาจลดังกล่าว[1]

การปิดล้อมรัฐสภาของผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน โดยหนึ่งในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐสภาซึ่งถูกฆาตกรรม ทั้งนี้ รัฐสภาถูกทิ้งให้ตกอยู่ในความโกลาหล โดยมีการโจรกรรมทำลายและสูญเสียวัสดุเอกสารที่มีความอ่อนไหวจำนวนมาก การทำร้ายร่างกายในวันดังกล่าวอาจเลวร้ายมากกว่านั้น โดยเห็นได้จากการค้นพบระเบิด ขวดน้ำมันเบนซินมีไส้สำหรับจุดไฟ (molotov cocktail) และอุปกรณ์ก่อความไม่สงบอื่น ๆ

ภาพผู้บุกรุกที่ถูกจับมัดข้อมือแบบ “zip-tie” และคนอื่น ๆ ที่ถูกจับกุมพร้อมอาวุธปืน ยากที่จะพูดเกินจริงว่าเหตุการณ์ในวันที่ 6 มกราคม 2020 สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อแกนหลักของประชาธิปไตยแบบอเมริกันและโครงสร้างของชาติ นักทฤษฎีสมคบคิด กลุ่มคนขาวผู้สูงส่ง พวกหัวรุนแรงขวาจัดและกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอื่น ๆ ถูกยุยงโดยประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ซึ่งเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนของเขา “ต่อสู้” “แสดงพลัง” และ “ยึดประเทศของเรากลับคืนมา”

กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงบุกยึดวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อล้มล้างผลการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม (free and fair election) ขณะที่การฟ้องร้องทางกฎหมายทั้งหมดถูกยกฟ้อง ภาพผู้ชุมนุมที่ก่อความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาโดยมีการต่อต้านเพียงเล็กน้อย แสดงให้เห็นความล้มเหลวของมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญ ทั้งที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้คาดการณ์ไว้แล้วอย่างกว้างขวาง

เรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นในห้วงสองทศวรรษหลังเหตุวินาสกรรม 9/11 ซึ่งจำเป็นต้องประมาณการอย่างเร่งด่วนและซื่อตรงว่า สหรัฐฯวิเคราะห์และเตรียมการต่อต้านภัยคุกคามความมั่นคงอย่างไร แม้ในที่สุดภัยคุกคามถูกจำกัดไว้ได้ แต่มีผลกระทบร้ายแรงต่อการวางแผนรักษาความปลอดภัยในอนาคตรวมทั้งการวางแผนสถานการณ์ต่อต้านการก่อการร้ายและการบริหารความต่อเนื่องของรัฐบาลเมื่อเผชิญภัยคุกคามที่สำคัญ

ในช่วงเวลาที่สำคัญ การปกป้องอาคารรัฐสภาและพื้นที่โดยรอบเป็นงานยากและมีความท้าทายเฉพาะ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์และการส่งกำลังบำรุง ความมุ่งหมายและการออกแบบส่งผลให้พื้นที่บริเวณที่ตั้งรัฐสภาสหรัฐฯค่อนข้างเปิดโล่ง ขณะที่การเข้าถึงพื้นที่อาคารมีข้อจำกัด สำนักงานตำรวจรัฐสภาสหรัฐฯได้รับงบประมาณ 430 ล้านดอลลาร์สหรัฐมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานลูกจ้าง 2,300 คน ทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยของอาคารและทุกคนที่อยู่ในพื้นที่

ตำรวจรัฐสภาคุ้นเคยกับการจัดการการประท้วงขนาดใหญ่และเล็ก ซึ่งส่วนใหญไม่รุนแรง แต่บ่อยครั้งมีการประท้วงของคนกลุ่มเล็ก ๆ หรือคนเดียวบนทางเท้าด้านตะวันออกของอาคารรัฐสภา การประท้วงทุกชนิดภายในอาคารรัฐสภาเป็นสิ่งต้องห้ามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด บางครั้งปรากฏว่ามีการตะโกนระหว่างการรับฟังการไต่สวนหรือการนั่งประท้วงหรือสวมเสื้อผ้าที่มีข้อความทางการเมือง

เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี พร้อมติดเครื่องอุปกรณ์ตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธ ในกรณีหากมีการชุมนุมประท้วงแบบดั้งเดิมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและเป็นภัยคุกคามเฉพาะหน้า ซึ่งอาจจะต้องใช้กำลังรุนแรงถึงตาย (lethal force) สำหรับฝูงชนที่บุกเข้ามาในอาคารรัฐสภาเมื่อ 6 มกราคม 2020 ไม่ใช่รูปแบบการโจมตีที่ผู้บัญชาการตำรวจรัฐสภาคาดการณ์และเตรียมการรับมืออย่างเพียงพอ

ความล้มเหลวของการวางแผนรับมือการชุมนุมในวันที่ 6 มกราคม ไม่ใช่ความล้มเหลวของการข่าวกรอง (not an intelligence failure) กิจกรรม “Stop the Steal” ถูกวางแผนมาเป็นเวลาหลายเดือนและมีการพูดคุยและโฆษณาชวนเชื่ออย่างแพร่หลายในสื่อสังคม (social media)[2] และสื่อดั้งเดิม[3] รวมทั้งการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานด้านความมั่นคงจำนวนมาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และเจ้าหน้าที่ที่มาจากการเลือกตั้งคนอื่น ๆ เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนเดินทางไปยังรัฐสภา (capitol) และ “ต่อสู้” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นี่เป็นการวางแผนก่อจลาจลอย่างเปิดเผยมากที่สุดในประวัติศาสตร์ปัจจุบัน ความล้มเหลวในการวางแผนตอบโต้อย่างเข้มแข็งถือเป็นความล้มเหลวของการสร้างจินตนาการด้วย การพูดคุยสนทนาบนสื่อสังคมเพื่อกำหนดแผนการและกลยุทธ์ของแกนนำ (บัญชี) ที่มีผู้ติดตามมากที่สุดด้วยการส่งเสริมการสมคบคิด พูดถึงการใช้กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติ (National Guard) รับมือการประท้วงที่ถูกชักจูงให้กลายเป็นการก่อจลาจล

กองกำลังดังกล่าวไม่ใช่หน่วยปฏิบัติการตอบโต้อย่างรวดเร็ว ประเด็นทั้งหมดคือ ควรใช้กองกำลังนี้ก่อนเกิดเหตุการณ์ เนื่องจากข้อกังวลเกี่ยวกับความถูกต้องตามกฎหมายในการใช้กำลังร้ายแรงกับการประท้วงอย่างสันติและบางคนไม่เต็มใจที่จะให้ตำรวจใช้ความเข้มงวด ดังที่เห็นในการประท้วงของ Black Lives Matter เมื่อปีที่ผ่านมา ตัวอย่างในกรณีนี้ กลุ่มคนที่บุกเข้ามาในรัฐสภาได้พูดคุยอย่างกว้างขวางถึงเจตนาที่จะล้มล้างกระบวนการประชาธิปไตยและเกี่ยวข้องกับความรุนแรง

ทางการควรติดตั้งสิ่งกีดขวางทางกายภาพที่สำคัญ เพื่อกันผู้คนหลายพันคนให้อยู่ห่างจากอาคารรัฐสภา ในขณะที่สมาชิกรัฐสภากำลังประชุมรับรองผลการเลือกตั้ง ไม่ควรมีความล้มเหลวแม้แต่จุดเดียวในการรักษาความปลอดภัยอาคารรัฐสภา แต่ความล้มเหลวขั้นพื้นฐานในการติดตั้งเครื่องกีดขวางมีความสำคัญมากกว่าการสร้างรั้วตาข่ายกั้นหิมะและปิดด้วยเครื่องหมายโลหะที่เคลื่อนย้ายได้

เมื่อฝูงชนหลายพันคนบุกเข้ามาในอาคารรัฐสภา เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละคนต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากในการใช้กำลังรุนแรงกับภัยคุกคามเฉพาะหน้าแต่ไม่ร้ายแรงหรือถอยกลับไปตั้งรับ เจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านี้ไม่ควรถูกกำหนดให้รับมือสถานการณ์เช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่า ในหลายกรณีหลังจากเหตุการณ์สำคัญแบบนี้ เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจะแถลงข่าวอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคขัดขวางการนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าสหรัฐฯจำเป็นต้องดำเนินการสอบสวนเชิงลึก โดยไม่เลือกข้างเกี่ยวกับความล้มเหลวของการรักษาความปลอดภัยที่รัฐสภา ผู้ฝ่าฝืนกฎหมายจะต้องรับผิดชอบ โดยจะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด เพื่อให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามหลักนิติธรรม ผู้คิดวางแผนก่อความรุนแรงในอนาคตควรตระหนักว่าจะไม่มีการละเว้นโทษ

หากไม่มีการตรวจสอบความผิดพลาดทั้งหมดอย่างโปร่งใส ในอนาคตประเทศและรัฐสภาสหรัฐฯมีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก ปัจจุบันมีการอภิปรายอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของโจ ไบเดนและรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสที่กำลังจะมาถึง

————————————————————————————

[1] A PERFECT STORM: COMPLETE BREAKDOWN OF LAW AND ORDER AT THE U.S. CAPITOL INTELBRIEF Monday, January 11, 2021 https://mailchi.mp/thesoufancenter/a-perfect-storm-complete-breakdown-of-law-and-order-at-the-us-capitol?e=c4a0dc064a

[2] มีการสร้างกลุ่มใน Facebook ชื่อ STOP THE STEAL มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากและเร็วที่สุดในบรรดากลุ่มต่าง ๆ ของ Facebook ไม่ถึง 22 ชั่วโมงหลังจากเริ่มต้นสร้างกลุ่มมีผู้ใช้งานเข้าร่วมมากกว่า 320,000 คน เรียกได้ว่ามีสมาชิกใหม่ 100 คนทุก 10 วินาที เป้าหมายของกลุ่มคือ ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งครั้งนี้และเชื่อว่าพรรคฝ่ายตรงข้ามขโมยการเลือกตั้งครั้งนี้ไป โดยกลุ่มนี้มีส่วนในการจัดการประท้วงไปยังหน่วยนับคะแนนต่าง ๆ ด้วย ซึ่งล่าสุด Facebook แบนกลุ่มนี้ไปแล้ว เพราะมีความเป็นไปได้ที่จะยุยงให้เกิดความรุนแรง สืบค้นที่ https://www.blognone.com/node/119447

[3] Capitol Police intelligence report warned three days before attack that ‘Congress itself’ could be targeted By Carol D. Leonnig The Washington Post Jan. 16, 2021 at 7:43 a.m. GMT+7 Available at: https://www.washingtonpost.com/politics/capitol-police-intelligence-warning/2021/01/15/c8b50744-5742-11eb-a08b-f1381ef3d207_story.html