ชาวฮินดูในอินเดียถือศีลอดเดือนรอมฎอน เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับเพื่อนมุสลิม
ช่วงต้นทศวรรษ 1990 – Shivaji Khairnar อายุเพียง 9 ขวบในช่วงที่เกิดการจลาจลระหว่างฮินดูและมุสลิมในมุมไบที่เขาอยู่อาศัย เหตุการณ์วันนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 900 คน และในฐานะลูกหลานชาวฮินดูเขาได้รับคำสั่งห้ามเล่นกับเด็กมุสลิม นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นรอยร้าวระหว่างสองศาสนา
แต่แทนที่ประสบการณ์ขมขื่นในวัยเด็กจะเป็นแรงผลักดันให้เขาเกิดความเกลียดชังทางศาสนา แต่มันกลับทำให้เขากลายเป็นผู้ที่แสดงออกถึงความสมานฉันท์ระหว่างศาสนาอย่างแรงกล้า 12 ปีก่อนเขาเริ่มถือศีลอดหนึ่งวันในช่วงเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม
“ผมคิดว่านี่เป็นวิธีการที่ดีในการส่งข้อความออกไป” Khairnar วัย 36 ปี นักสังคมสงเคราะห์ที่ถือศีลอดในวันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคมซึ่งตรงกับวันที่ 27 ของเดือนรอมฎอนที่อาจเป็นคืนลัยละตุ้ลก็อดรฺ หรือค่ำคืนแห่งอำนาจกล่าว “ถ้ามุสลิมยืนเคียงข้างผมในเทศกาลของชาวฮินดู ทำไมผมถึงจะอดอาหารร่วมกับพวกเขาไม่ได้”
Khairnar ไม่ใช่ชาวฮินดูเพียงคนเดียวที่ถือศีลอดในช่วงรอมฎอน ทั่วอินเดียมีผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมจำนวนมากถือศีลอดเดือนรอมฎอนด้วยหลายเหตุผล ตั้งแต่เพื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับเพื่อน แสดงออกถึงความเป็นพี่น้อง การขอบคุณ รวมไปถึงเพื่อการใคร่ครวญ เช่นเดียวกับ Khairnar บางคนอดอาหารเพียงวันเดียว บางคนหลายวัน และบางคนก็ตลอดทั้งเดือน
เดือนรอมฎอนในปีนี้เกิดขึ้นในขณะที่โควิด-19 ระลอกที่สองระบาดหนักในอินเดีย ส่งผลให้เกิดมาตรการควบคุมการชุมนุมทางศาสนาซึ่งหมายรวมถึงงานเลี้ยงละศีลอดในทุกๆวัน นอกจากนี้เดือนรอมฎอนในปีนี้ยังมาพร้อมกับการเติบโตที่พุ่งสูงขึ้นของโรคเกลียดกลัวอิสลาม และความตึงเครียดทางศาสนาในประเทศที่ปกครองโดยพรรคชาตินิยมฮินดูของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี
“โรคเกลียดกลัวอิสลามเพิ่มสูงขึ้นอาจเป็นเพราะวาทกรรมของสื่อ นักการเมือง และการเมินเฉยของรัฐที่มีต่ออาชญากรรมที่สร้างความเกลียดชัง แต่การหลอมระหว่างผู้นับถือศาสนายังคงดำเนินต่อไป” Irfan Engineer ผู้อำนวยการศูนย์สังคมและฆราวาสศึกษากล่าว
“อินเดียเป็นแหล่งหลอมรวมของวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน” Jayshree Shukla ผู้หลงใหลในมรดกทางวัฒนธรรมและช่างภาพมือสมัครเล่นที่เริ่มถือศีลอดในเดือนรอมฎอนในปี 2017 กล่าว “ตอนนี้นักการเมืองปลุกปั่น แต่โดยพื้นฐานแล้วมันมีความเป็นเครือญาติและมิตรภาพ”
Shukla วัย 53 ปีทำการอดอาหารเต็มเดือนเป็นครั้งแรกในปีนี้ หลังจากในปีก่อนหน้าเขาถือศีลอดเป็นระยะเวลาสั้นๆ “ฉันไม่ได้เคร่งศาสนามาก นี่เป็นเป้าหมายทางสังคมเพื่อสร้างสะพานเพื่อลดความเป็นปรปักษ์” เธอกล่าว “ในขณะที่โลกมีการแบ่งขั้วกันมากขึ้น ฉันรู้สึกว่านี่เป็นท่าทีสำคัญของความปรารถนาดีในชุมชนต่างๆ”
ในอินเดียมีประชากร 1.3 พันล้านคน เกือบ 80% นับถือศาสนาฮินดู โดยมีชาวมุสลิม 170 ล้านคน (ประมาณ 14%) และในอินเดียการถือศีลอดไม่ได้มีแค่เฉพาะคนมุสลิมเท่านั้น แต่ยังมีพิธีกรรมการถือศีลอดของชาวฮินดูและเชน (Jains) แต่ก็จะเป็นเพียงชั่วเวลาสั้นๆ
“มันทำให้ร่างกายของคุณมีระเบียบวินัย ทำให้คุณครุ่นคิด และช่วยปรับพฤติกรรม” Pragya Narang ที่ปรึกษาด้านการสื่อสารซึ่งอดอาหารมาสี่ปีติดต่อกัน แต่ไม่สามารถทำได้ในปีนี้กล่าว Narang 36 ปียังถือศีลอดในเทศกาลของชาวฮินดูเป็นประจำแม้ว่าเธอจะไม่ได้มองว่าตัวเองเคร่งศาสนาก็ตาม “เป็นเรื่องดีที่ได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่ใหญ่ขึ้น” เธอกล่าว “อดอาหารแล้วได้ร่วมฉลองกับคนอื่น”
ปีที่แล้ว Mushtaq Khatri ซึ่งเป็นผู้บริหารเรือแท็กซี่ในรัฐคุชราตทางตะวันตกของอินเดีย ได้จัดเตรียมอาหารให้กับผู้คนจำนวนมากในช่วงที่เกิดโรคระบาดซึ่งบางช่วงกับเดือนรอมฎอน คนรู้จักที่นับถือศาสนาฮินดูของเขาบางคนแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและอธิษฐานขอให้การแพร่ระบาดยุติ ด้วยการอดอาหารเป็นเวลาหนึ่งวันในเดือนรอมฎอนปีที่แล้ว “นี่ไม่ใช่เรื่องดีหรอกเหรอ” Khatri อายุ 40 ปีถาม และกล่าวต่ออีกว่า “ในพื้นที่ของเราไม่มีความขัดแย้งเกี่ยวกับศาสนา”
สำหรับพลตรี Yash Mor นายทหารที่เกษียณอายุราชการในแคชเมียร์ รัฐที่มีมุสลิมเป็นประชากรส่วนใหญ่เพียงแห่งเดียวของอินเดีย นั่นจึงทำให้เขาสนใจศาสนาอิสลาม เมื่อผู้อาวุโสแนะนำให้เขาลองอดอาหาร เขาทำมันเป็นเวลา 5 วันร่วมกับคนของเขา “มันเป็นการเรียกร้องสิ่งที่มาจากข้างใน” เขากล่าว การเพลิดเพลินไปกับรสชาติของอินทผลัมหรือน้ำเปล่าในตอนท้ายของวันอันยาวนานเป็นเรื่องพิเศษ “คุณจะรู้สึกถ่อมตนมาก” เขากล่าว
สองสามวันแรกอาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ถือศีลอดครั้งแรกที่ต้องตื่นก่อนอาทิตย์ขึ้นและงดรับประทานอาหารจนถึงหลังอาทิตย์ตก
“ฉันเป็นนักชิมตัวยง ดังนั้นฉันจึงกังวลว่าจะทำได้หรือไม่” Monika Mondal นักข่าววัย 27 ปีในเดลีที่เกิดมาในครอบครัวที่นับถือศาสนาฮินดูกล่าว เธอถือศีลอดเป็นครั้งแรกในปีนี้ เธอบอกว่าชอบที่จะลิ้มลองสิ่งที่ดีที่สุดของความเชื่อที่แตกต่างกัน “มันเป็นประสบการณ์ทางจิตวิญญาณสำหรับฉันมากกว่า ฉันอยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้นนั่งสมาธิและพัฒนานิสัยที่ดี”
สมาชิกในครอบครัวบางคนไม่เชื่อในการตัดสินใจของพวกเขา ในกรณีของ Narang ชาวมุสลิมบอกว่าเธอทำเพียงเพื่อความสนุก ในขณะที่ชาวฮินดูสงสัยว่านี่เป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนศาสนา
แต่สำหรับ Irfan Engineer เขาเชื่อว่าการแบ่งปันแนวทางปฏิบัติทางศาสนาจะช่วยสร้างความรักและความเข้าใจระหว่างกัน
“ถ้าคุณไม่รู้จักพวกเขา คุณอาจถูกยุยงจนนำไปสู่การมีอคติต่อพวกเขาได้” เขากล่าว “แต่เมื่อคุณมีส่วนร่วมในเทศกาลและการเฉลิมฉลองของกันและกันคุณจะรู้จักพวกเขา และถ้ามีคนบอกว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ก่อการร้ายคุณก็ไม่จำเป็นต้องไปเชื่อ เพราะคุณรู้จักมุสลิมที่เชิญคุณเข้าร่วมงานเลี้ยงละศีลอดดีอยู่แล้ว”