อิสราเอลรับศึก 2 ด้าน ปะทะฮามาสรอบใหม่ ม็อบยิว-อาหรับปะทะเดือด
อิสราเอลกำลังรับศึก 2 ด้าน ฟากหนึ่งกองทัพยิวกับกลุ่มฮามาส ของปาเลสไตน์ ในฉนวนกาซา กำลังโจมตีตอบโต้ข้ามเขตแดนกันไปมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบร้อยศพ บาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก กลายเป็นการปะทะครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สงคราม 50 วันเมื่อปี 2557
อีกด้านหนึ่ง ม็อบชาวยิวและชาวอาหรับ ซึ่งมีปัญหากันมานาน ออกมาปะทะกันในหลายเมืองทั่วอิสราเอล มีการปล้นสะดม เผาทำลายทรัพย์สินของฝ่ายตรงข้าม และทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ ตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุได้หลายร้อยคน ขณะที่กลุ่มการเมืองออกมาประณามการกระทำของทั้ง 2 ฝ่าย
นานาชาติกำลังหาทางให้อิสราเอลกับฮามาสหยุดยิงซึ่งกันและกัน ขณะที่รัฐบาลยิวก็พยายามยุติเหตุความรุนแรงภายในประเทศ แต่การจะยุติความขัดแย้งซึ่งเป็นเหมือนแผลเก่าเรื้อรังที่เปิดออกมาอีกครั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ชนวนอิสราเอลปะทะฮามาสรอบใหม่
ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่เข้าสู่เดือนศักดิ์สิทธิ์รอมฎอนเมื่อกลางเดือนเมษายนแล้ว เมื่อศาลสูงสุดของอิสราเอลเตรียมฟ้องไล่ที่ชาวปาเลสไตน์ในเขต ชีคห์ จาร์ราห์ ในเยรูซาเล็มตะวันออก ที่ชาวยิวเข้ามาสร้างที่อยู่อาศัย สร้างความโกรธแค้นแก่ชาวปาเลสไตน์
นอกจากนั้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจอิสราเอลยังใช้กำลังควบคุมผู้แสวงบุญชาวปาเลสไตน์อย่างหนัก ถึงขั้นใช้แก๊สน้ำตาและระเบิดแสงภายในมัสยิด “อัล อักศอ” สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวมุสลิมรองจากนครเมกกะ และเมืองเมดินา ซึ่งตั้งอยู่บน “เนินพระวิหาร” หรือที่ชาวมุสลิมเรียกว่า “ฮาราม อัล-ชาริฟ” ในเยรูซาเล็มตะวันออก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิสราเอลทำให้กลุ่มฮามาสที่ปกครองฉนวนกาซาอยู่ ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยิวถอนกำลังตำรวจออกจากเขตชีคห์ จาร์ราห์ และบนเนินเขาศักดิ์สิทธิ์ แต่อิสราเอลไม่ยอม ฮามาสจึงเปิดฉากยิงจรวดเข้าใส่เยรูซาเล็มเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2564
หลังจากนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายก็โจมตีตอบโต้กันไปมา อิสราเอลส่งเครื่องบินรบโจมตีทางอากาศหลายร้อยเที่ยว ใส่เป้าหมายในฉนวนกาซาที่พวกเขาอ้างว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มฮามาส ทำให้มีผู้เสียชีวิตในกาซาอย่างน้อย 103 ศพ รวมถึงผู้บัญชาการอาวุโสของกลุ่มฮามาสและนักรบอีกหลายนาย ส่วนฮามาสก็ยิงจรวดเข้าใส่อิสราเอลนับพันลูก มุ่งเป้าไปที่นครเทล อาวีฟ กับพื้นที่ข้างเคียง มีผู้เสียชีวิตนับสิบราย หนึ่งในนั้นเป็นชาวอินเดีย
ม็อบยิว-อาหรับปะทะเดือด
ในขณะที่อิสราเอลกับฮามาสกำลังทำศึกข้ามเขตแดนรอบใหม่ ในอิสราเอลกลับเกิดสถานการณ์ความวุ่นวายขึ้น เมื่อชาวยิวกับชาวอาหรับที่อาศัยในอิสราเอลซึ่งมีปัญหาขัดแย้งมาอย่างยาวนาน ก่อม็อบเข้าทำร้ายและทำลายทรัพย์สินของอีกฝ่าย และเกิดเหตุสลดถึง 2 เหตุการณ์เมื่อคืนวันพุธ (12 พ.ค.)
ที่เมือง บัต ยัม บริเวณชายฝั่งตะวันออกของอิสราเอล ทางเหนือของกาซา ม็อบชาวยิวบุกทุบทำลายทรัพย์สินของชาวอาหรับ รวมถึงร้านขายไอศกรีมท้องถิ่น ก่อนที่ฝูงชนจะเข้าเล่นงานคนขับรถคนหนึ่ง ซึ่งพวกเขาอ้างว่าพยายามบังคับรถพุ่งชนพวกเขา แต่ภาพจากวิดีโอแสดงให้เห็นว่า ชายคนนี้พยายามขับรถถอยหลังเพื่อหนีจากม็อบหัวรุนแรง สุดท้ายชายคนนี้ถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ขณะที่ตำรวจเดินทางมาถึงหลังเกิดเหตุ 15 นาที
เหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นที่เมืองอาเกร ม็อบชาวอาหรับใช้ไม้กับก้อนหินเป็นอาวุธ ไล่ทำร้ายคนขับรถคนหนึ่ง และรุมทุบตีชายคนนี้ที่นอนกับพื้นและพยายามปกป้องตัวเอง และทิ้งให้เขานอนสลบอยู่บนพื้น มีบาดแผลเลือดไหลที่ศีรษะ เจ้าหน้าที่แพทย์ซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเข้ามาปฐมพยาบาล และส่งรักษาตัวต่อที่ศูนย์การแพทย์กาลิลี โดยมีอาการสาหัสแต่ทรงตัว
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเรียกเสียงประณามจากกลุ่มการเมืองอิสราเอลทุกฝ่าย นายยาอีร์ ลาพิด ผู้นำฝ่ายค้าน ระบุว่านี่เป็นการสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง และ “ผู้ก่อจลาจลชาวยิวและอาหรับได้ประกาศสงครามกับอิสราเอลแล้ว” ส่วนนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวว่า ไม่มีความชอบธรรมใดๆ ที่ให้ชาวยิวหรือชาวอาหรับทำร้ายอีกฝ่ายได้ ล่าสุดมีผู้ถูกจับกุมมากกว่า 400 คนแล้ว อายุน้อยสุดเพียง 13 ปีเท่านั้น
แผลเก่ายังตามหลอน
เหตุความรุนแรงล่าสุดระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ พูดได้ว่าเป็นผลจากความขัดแย้งในอดีตระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ที่ไม่ได้รับการแก้ไข จนกระทั่งแผลกลับมาเปิดอีกครั้งในคราวนี้
ชาวยิวและชาวอาหรับแย่งชิงดินแดนระหว่างแม่น้ำจอร์แดนและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้มานานนับศตวรรษแล้ว หลังอิสราเอลก่อตั้งขึ้นในปี 2491 พวกเขาก็หยิบยื่นความพ่ายแพ้ให้ชาติอาหรับ และปาเลสไตน์อีกหลายต่อหลายครั้ง แม้ในยุคปัจจุบัน ความรุนแรงจะลดลงและไม่ค่อยได้รับความสนใจ ก็ไม่ได้หมายความว่า ความขัดแย้งนั้นจบลง เช่นเดียวกับความเกลียดชังที่ยังไม่จางหาย
จุดศูนย์กลางของความขัดแย้งทั้งหมดอยู่ที่เยรูซาเล็ม ซึ่งได้รับการนับถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ฃของศาสนาคริสต์, ยิว และอิสลาม แต่หลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลอิสราเอลพยายามทำให้เยรูซาเล็มเป็นของชาวยิวมากขึ้น พวกเขาสร้างเขตที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่สำหรับชาวยิวบนดินแดนที่พวกเขายึดครองมาได้หลังสงคราม เพื่อล้อมนครศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ซึ่งผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ความพยายามฟ้องไล่ที่ชาวปาเลสไตน์ในเขตชีคห์ จาร์ราห์ จึงสร้างความโกรธแค้นแก่ชาวปาเลสไตน์อย่างมาก
นายเจเรมี โบเวน บรรณาธิการข่าวตะวันออกกลางของบีบีซี กล่าวว่าเป็นเรื่องยากที่จะตอบว่า อิสราเอลกับปาเลสไตน์จะหาทางอาศัยอยู่ร่วมกันในเยรูซาเล็มอย่างสันติได้หรือไม่ กระบวนการเจรจาสันติภาพที่ออสโลเมื่อช่วงทศวรรษที่ 90 ทำให้เขาเห็นความหวังอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ทุกอย่างก็พังทลายในเวลาไม่นาน
นายโบเวนกล่าวด้วยว่า ตอนนี้ผู้นำของอิสราเอลกับปาเลสไตน์กำลังต่อสู้กับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ เพื่อการรักษาตำแหน่งของตัวเอง ทั้งที่ปัญหาใหญ่สุดสำหรับผู้นำอิสราเอลหรือปาเลสไตน์คือ การสร้างสันติภาพระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังมาหลายปีแล้ว
จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้?
สถานการณ์มีทีท่าจะรุนแรงขึ้นอีก เพราะเมื่อวันพฤหัสบดี กองทัพอิสราเอลส่งกองทหารราบ 2 หน่วย และรถหุ้มเกราะอีก 1 หน่วย ไปประจำการบริเวณชายแดนฉนวนกาซา เพื่อเตรียมโจมตีทางภาคพื้นดิน และตอนนี้รอเพียงคำสั่งโจมตีจากผู้นำทหารและรัฐบาลเท่านั้น พวกเขายังเรียกทหารกำลังสำรองอีก 7,000 นายมาสมทบด้วย
รัฐบาลอิสราเอลยังเรียกกองกำลังสำรองตระเวนชายแดนจำนวน 10 กองร้อย มาช่วยรับมือความไม่สงบระหว่างชาวยิวและอาหรับในประเทศด้วย
ขณะที่ความพยายามของนานาชาติรวมถึงมหามิตรของอิสราเอลอย่าง สหรัฐฯ ที่ต้องการให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิงยังไม่ประสบความสำเร็จ ฝ่ายฮามาสระบุว่า พวกเขาพร้อมจะหยุดยิง หากประชาคมนานาชาติช่วยกดดันให้อิสราเอลระงับกิจกรรมทางทหารที่มัสยิด อัล อัคศอ ในเยรูซาเล็ม ส่วนกองทัพอิสราเอลประกาศกร้าวว่า พวกเขาจะยังไม่หยุดยิงในเวลานี้
แต่ถึงอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสจะยุติความรุนแรงในครั้งนี้ ตราบใดที่ยังไม่มีข้อตกลงสันติภาพ วังวนความรุนแรงก็จะคงอยู่ต่อไป เป็นแผลเก่าที่พร้อมจะปริแตกอีกครั้งเมื่อมีอะไรไปสะกิดมัน
ที่มา: CNN, BBC
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/news/foreign/2091977