Uncategorizedข่าวต่างประเทศ

สายลับอิหร่านในอินโดฯ ถูกรวบตัวและอาจเชื่อมโยงกับไทย

เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมของปีที่แล้ว ตำรวจประจำสนามบินซูการ์โน-ฮัตตา กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ได้จับกุมชายวัย 49 ปี ชาวอิหร่านขณะกำลังเช็คอินเพื่อเดินทางไปประเทศกาตาร์ ชื่อว่า “Ghassem Saberi Gilchalan” จากการตรวจค้นสัมภาระของตำรวจพบว่าชายอิหร่านผู้นี้ถือพาสปอร์ต 3 เล่ม โดยเป็นพาสปอร์ตบัลแกเรีย 2 เล่ม และของอิหร่าน 1 เล่ม โดยพาสปอร์ตบัลแกเรียทั้งสองเล่มเป็นของปลอม
และนาย Gilchalan ไม่ใช่พลเมืองบัลแกเรีย แต่เมื่อตรวจสอบกับสถานทูตอิหร่าน กลับได้รับการยืนยันว่า
นาย Gilchalan เป็นพลเมืองของอิหร่าน ตำรวจจึงได้ดำเนินคดีทางกฎหมายกับนาย Gilchalan ในข้อหา
ถือหนังสือเดินทางปลอม และศาลได้ตัดสินจำคุกเป็นเวลา 2 ปี

นอกจากพาสปอร์ตทั้งสามเล่มแล้ว ตำรวจยังพบว่านาย Gilchalan มีโทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง แท็บเล็ต 1 เครื่อง โมเด็มอินเทอร์เน็ต 2 เครื่อง ซิมการ์ดอีกหลายอัน และยังพบเงินสด 16 สกุลเงิน รวมแล้วเป็นเงินกว่า 140 ล้านรูเปียร์ หรือราว 320,000 บาท นอกจากนี้ยังพบบัตรสมาชิกสมาคมอดีตตำรวจมาเลเซีย ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อตำรวจเช็คมือถือของนาย Gilchalan ยังพบไฟล์ภาพสแกนพาสปอร์ตของประเทศต่าง ๆ มากกว่า 50 ประเทศ พบชื่อคนไทยที่เป็นลูกหลานชีอะห์ตระกูลใหญ่ ซึ่งพฤติการณ์แบบนี้ชวนให้สงสัยว่าบุคคลนี้ไม่น่าใช่อาชญากรธรรมดา

ทางการอินโดนีเซียได้สืบสวนจนพบความจริงว่านาย Gilchalan เป็นสายลับอิหร่านที่มาแฝงตัวอยู่ในอินโดนีเซีย ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าได้รับมอบหมายภารกิจจากอดีตนักการทูตอิหร่านในมาเลเซียชื่อ
“Sayed Alireza Mir Jafari” ให้แฝงตัวเป็นสายลับในมาเลเซียและอินโดนีเซีย ภารกิจที่ได้รับให้ทำในอินโดนีเซียคือ ให้หาทางปล่อยเรือบรรทุกน้ำมัน MT Horse ซึ่งเป็นเรือบรรทุกน้ำมันผิดกฎหมายของอิหร่านที่ถูกทางการอินโดนีเซียยึดไว้ออกจากการตรวจยึด และให้เปิดบริษัทปลอมที่เกาะบาหลีเพื่อใช้เป็นเซฟเฮาส์สำหรับการแฝงตัวเป็นสายลับ ส่วนภารกิจที่ได้รับให้ทำในมาเลเซียคือ ตามล่าคนที่เห็นต่างจากรัฐบาลอิหร่าน

หลังสื่อมวลชนอินโดนีเซียได้เผยแพร่ข่าวสารการจับกุมชาวอินโดนีเซีย รวมทั้งสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่รัฐ ต่างตั้งคำถามว่าทำไมอิหร่านจึงส่งสายลับเข้ามาแฝงตัวในอินโดนีเซียทั้งที่สองประเทศเป็นประเทศมุสลิมด้วยกัน และต่างมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพราะการส่งสายลับเข้ามานั้นหมายความว่าอิหร่านกำลังบ่อนทำลายความมั่นคงของอินโดนีเซีย ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าอิหร่านอาจกำลังทำแบบนี้ในหลายประเทศ

เหตุการณ์ที่ปรากกฏนี้ ชวนให้คิดถึงความจริงใจของอิหร่านกับมิตรประเทศ ที่แม้หน้าฉากจะมีความสัมพันธ์ที่ดีเป็นมิตรต่อกัน แต่ในทางลับหลังกลับส่งสายลับเข้าไปทำงานในประเทศ แล้วจากที่ได้รับฟังมาจากผู้ใหญ่และมิตรสหายในแวดวง ทำให้รู้ว่านอกจากอิหร่านจะใช้สายลับที่เป็นคนอิหร่านปลอมตัวโดยใช้พาสปอร์ตสัญชาติอื่นแล้ว อิหร่านยังใช้คนท้องถิ่นให้เป็นสายลับให้กับตัวเอง โดยให้เงินสนับสนุนจำนวนมาก ทั้งที่ให้ส่วนตัว และสนับสนุนแก่สถานศึกษาที่อิหร่านตั้งขึ้นเพื่อให้ทำงานเป็นสายลับ

สำหรับนาย “Sayed Alireza Mir Jafari” ที่เป็นหัวหน้าของสายลับอิหร่านในอินโดนีเซีย
ก็เคยเดินทางมาไทย และได้พบกับคนไทยชีอะห์คนสำคัญที่มีความใกล้ชิดและทำงานให้กับฝ่ายอิหร่านมาอย่างยาวนาน ทำให้เป็นไปได้ว่าเวลานี้อาจมีสายลับอิหร่านเข้ามาแฝงตัวในไทยแล้วก็ได้ ซึ่งถ้าอยากรู้ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ คงต้องถามกลุ่มชีอะห์ตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อชีอะห์ทั้งในกรุงเทพและภาคใต้ของไทย ว่าที่ผ่านมาได้รับเงินจากอิหร่านมามากแค่ไหน และลูกหลานในครอบครัวที่เดินทางไปอิหร่านบ่อย ๆ นั้น เป็นการไปท่องเที่ยวพักผ่อนตามปกติคนมีเงิน หรือไปเพื่อรับเงินและรับแผนการจากเจ้านายเพื่อมาดำเนินการในไทย โดยไม่คิดถึงอันตรายและผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง ซึ่งคำถามเหล่านี้คงจะได้เห็นคำตอบในอีกไม่นานนี้

ที่มา :

  • https://www.cnnindonesia.com/nasional/20211210214054-12-732727/aksi-gilchalan-diduga-intel-asing-10-kali-tembus-ri-pakai-paspor-palsu
  • https://megapolitan.kompas.com/read/2021/12/10/13560031/paspor-palsu-wn-iran-kuak-dugaan-operasi-intelijen-asing-di-indonesia?page=all
  • https://www.kompasiana.com/haryowb/61b8177b06310e10d34c45d4/gilchalan
  • https://www.monitoringoil.com/2021/12/fake-passports-reveal-foreign.html
  • https://www.monitoringoil.com/2021/12/a-thousand-hours-ended-by-foreign.html