ข่าวสถานการณ์ชายแดนใต้

กอ.รมน.ภาค 4 สน. ชี้แจงกรณี เพจอ้างเป็น BRN สั่งห้ามชาวไทยพุทธเข้าล่าสัตว์ในพื้นที่ชาวมุสลิม เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง

จากกรณีคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงประชาชนหาของป่าเสียชีวิต 2 รายในพื้นที่ ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค.2565 และต่อมาเมื่อวันที่ 5 ส.ค.2565 ได้มีเพจเฟสบุ๊คที่อ้างว่าเป็นเพจของกลุ่มขบวนการ BRN.ได้ออกมาโพสต์ข้อความ”ขอความร่วมมือหน่วยกำลังภาคประชาชนงดเว้นล่าสัตว์หรือลาดตระเวนในพื้นที่ชาวมลายูมุสลิมเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ”และต่อมาภายหลังได้มีการนำเสนอข่าวในรายการ”ข่าวข้น คนข่าว”ของสถานีโทรทัศน์เดอะเนชั่น และมีการแชร์ประเด็นดังกล่าวออกไปอย่างกว้างขวางเพื่อไม่ให้ประเด็นดังกล่าวถูกสื่อสารออกไปอย่างไร้ขีดจำกัดที่อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ในวงกว้าง กอ.รมน.ภาค4สน จึงขอสร้างความเข้าใจดังนี้ภายหลังเสร็จสิ้นเดือนรอมฏอนกลุ่มคนร้ายได้ก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความรุนแรงทั้งการลอบยิง ลอบวางระเบิดที่สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินรวมทั้งสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าจึงจำเป็นต้องเข้าบังคับใช้กฏหมายด้วยความระมัดระวังตามขั้นตอนด้วยความอดทนอดกลั้นภายใต้การมีส่วนร่วมของผู้นำ4เสาหลักในพื้นที่โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักแต่คนร้ายกลับใช้ความรุนแรงตอบโต้จนนำไปสู่ความสูญเสียหลายรายในช่วงที่ผ่านมา กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ใช้ความพยายามในการแก้ปัญหาตามแนวทางสันติวิธิให้สอดคล้องกับความต้องการของคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ทั้งในเรื่อง ”การขอขยายระยะเวลารอมฏอนแห่งสันติสุข”ออกไปอีก 60 วัน รวมทั้งการเสนอแนวทาง”เข้าพรรษาสันติสุข”ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา แต่ไม่ได้รับการตอบสนองในเวทีการพูดคุยเพื้อสันติสุขจชต.ครั้งล่าสุดเมื่อ 1-2 ส.ค.65 และในขณะเดียวกันภายหลังเสร็จสิ้นการพูดคุย กลุ่มคนร้ายยังคงพยายามก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆทั้งต่อเจ้าหน้าที่รัฐและพี่น้องประชาชนอีกหลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อเหตุต่อกลุ่มเปราะบางไทยพุทธล่อแหลมที่ขึ้นไปล่าสัตว์ป่าเสียชีวิต2ราย นอกจากจะทำลายบรรยากาศกระบวนการพูดคุยแล้ว ยังได้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชนอย่างกว้างขวางการออกแถลงการณ์ในเพจเฟสบุ๊ค BRN “ขอความร่วมมือหน่วยกำลังภาคประชาชนไทยพุทธ งดเว้นล่าสัตว์หรือลาดตระเวนในพื้นที่ชาวมลายูมุสลิม” นั้น ถือเป็นความพยายามในการบิดเบือนข้อเท็จจริงให้สังคมเข้าใจไม่ถูกต้อง ทั้งนี้เพราะพื้นที่ล่าสัตว์/หาของป่า เป็นพื้นที่สาธารณะที่อยู่ในความรับผิดชอบดูแลของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดย ไม่มีใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ”จึงย่อมเป็นสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยทุกเชื้อชาติ ศาสนา สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ตราบใดที่ไม่ได้ละเมิดต่อหลักกฏหมายที่ได้กำหนดไว้” สำหรับกลุ่มคนไทยพุทธที่เข้าไปล่าสัตว์หาของป่า ถือเป็นวิถีชีวิตปกติของชาวบ้านที่มีมาอย่างยาวนานและไม่เคยมีปัญหาความขัดแย้งกับคนมุสลิมในพื้นที่และ”ไม่ได้เป็นกองกำลังภาคประชาชน”ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใดทั้งนี้ จะใช้เวทีสภาสันติสุขตำบลจัดประชุมหารือ เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสม ปลอดภัย สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชนและเป็นไปตามกฏระเบียบที่ได้กำหนดไว้ เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นในลักษณะดังกล่าวในอนาคตต่อไป

กอ.รมน.ภาค 4 สน. ชี้แจงกรณี เพจอ้างเป็น BRN สั่งห้ามชาวไทยพุทธเข้าล่าสัตว์ในพื้นที่ชาวมุสลิม เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง