ฮือค้านคำสั่งห้าม ตร.หนองจิก ปัตตานี พกปืนนอกเวลาปฏิบัติงาน
กลายเป็นดราม่า “ตำรวจไม่มีปืน” หลังคำสั่ง สภ.หนองจิก ปัตตานี ว่อนโซเชียลฯ คุมเข้มห้ามสีกากีในสังกัดพกปืนหากไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ผู้การปัตตานีระบุนอกเครื่องแบบพกปืนในที่สาธารณะหวั่นชาวบ้านเข้าใจผิด ขณะที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์โวยไม่มีปืน ไม่ปลอดภัย ไม่กล้าออกไปไหน วอนแก้ไขคำสั่ง
จากโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเหตุการณ์อดีตตำรวจกราดยิงเด็กภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 6 ต.ค.65 ส่งผลให้เด็กเสียชีวิตจำนวนมาก รวมไปถึงเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่มีตำรวจหน่วยสวาทเลือดร้อนก่อเหตุยิงนักท่องเที่ยวในผับ จ.ตรัง เสียชีวิตและบาดเจ็บ ซึ่งถือว่าสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและยังสร้างความเสียหายต่อองค์กรตำรวจเป็นอย่างมากนั้น
จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 มีคำสั่งให้สถานีตำรวจในสังกัดกำหนดมาตรการในการใช้อาวุธปืน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ และเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นมาอีก
ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ต.ค.65 พ.ต.อ.คมกฤช ศรีสงค์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหนองจิก (ผกก.สภ.หนองจิก) จ.ปัตตานี ได้มีคำสั่งสถานีตำรวจภูธรหนองจิก ที่ 262/2565 เรื่อง กำชับการใช้อาวุธปืนของข้าราชการตำรวจในสังกัด เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่และไม่เสียหายต่อราชการ
สาระสำคัญระบุว่า สถานีตำรวจภูธรหนองจิก กำหนดระเบียบการใช้อาวุธปืนและสิ่งของหลวงทางราชการของข้าราชการตำรวจในสังกัดดังนี้
1.ห้ามข้าราชการตำรวจในสังกัดทุกนายพกพาอาวุธปืน เว้นแต่ได้รับอนุญาตการพกพาอาวุธปืนถูกต้องตามกฎหมาย
2.ห้ามข้าราชการตำรวจในสังกัดทุกนาย พกพาอาวุธปืนออกนอกเขตพื้นที่รับผิดชอบสถานีตำรวจภูธรหนองจิก เว้นแต่เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีหลักฐานการสั่งการเป็นลายลักษณ์อักษร
3.ข้าราชการตำรวจทุกนายปฏิบัติหน้าที่งานป้องกันปราบปรามและงานสืบสวน ในกรณีออกสืบสวนหาข่าวนอกพื้นที่ ให้นำอาวุธปืนมาคืนคลังสถานีตำรวจภูธรหนองจิก โดยมอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาควบคุมการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ให้ถือปฏิบัติตามคำสั่งโดยเคร่งครัดจนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น
@@ เน้นคุมเข้มตำรวจนอกเครื่องแบบ
หลังจากคำสั่งนี้ถูกเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะบางฝ่ายมองว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้ตำรวจ ในฐานะกำลังพลที่ต้องแต่งเครื่องแบบ เพราะพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีปัญหาความไม่สงบ ตำรวจอาจตกเป็นเป้าโจมตีได้ง่าย โดยไม่มีทางป้องกันตัวเองได้
พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี (ผบก.ภ.จว.ปัตตานี) ชี้แจงประเด็นนี้ว่า การกำชับในเรื่องของการใช้อาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น มีข้อบังคับที่ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ที่ได้เน้นย้ำก็คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่นอกเครื่องแบบ หรือเจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้อยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อไปในที่สาธารณะ หรือเข้าติดต่อราชการตามส่วนราชการ อย่านำอาวุธปืนติดตัวไปโดยเด็ดขาด เพราะจะสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนได้ว่า เป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่
นอกจากนี้ยังได้กำชับให้สถานีตำรวจแต่ละสถานีคอยประเมินพฤติกรรมและสภาพจิตใจของเจ้าหน้าที่แต่ละนาย ว่ามีพฤติกรรม รวมถึงสภาพจิตใจเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานีว่าจะมีมาตรการในการป้องกันเรื่องนี้อย่างไร ถ้าพบว่าเจ้าหน้าที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม พกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้มีการสวมเครื่องแบบ หรือไม่ได้อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากพบเจอก็จะมีการลงโทษตามระเบียบที่วางไว้
@@ กำลังพลผวา ตายเกลื่อนแน่
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองจิก นายหนึ่ง กล่าวว่า มาตรการที่ออกมา ถือว่าดีหากมองตามหลักการ ระเบียบ กฎหมาย แต่ในความเป็นจริงยังมีช่องว่างที่อาจเกิดปัญหา พูดกันตรงๆ ตำรวจไม่ต้องไปไหนเลยก็จะดี เพราะหากออกนอกพื้นที่แล้วมีเหตุการณ์ซึ่งหน้า ถ้าไม่ช่วยเหลือหรือระงับเหตุก็จะทำให้ผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
“งานนี้ตำรวจตายเกลื่อนแน่ ก็ไม่เห็นด้วย ตำรวจเองก็ไม่มีความปลอดภัย เพราะคนร้ายรู้จักตำรวจทุกคน เราอยู่ที่สว่างและการประกาศออกมาทำให้คนร้ายรู้ด้วยว่า ตำรวจหนองจิกห้ามพกปืน ง่ายต่อการโจมตี สมมติเราออกนอกพื้นที่ก็จริง แต่ระหว่างทางไป-กลับ เราอยู่พื้นที่ เราไม่มีปืน เกิดคนร้ายมาโจมตีก็โดนอีก จะให้เอาปืนไปฝากระหว่างเขตแดน ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้อีก”
@@ ตำรวจไม่มีปืนที่เอว คงไม่กล้าไปไหนเลย
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนใต้อีกราย กล่าวเสริมว่า การห้ามพกอาวุธออกนอกพื้นที่ เป็นมาตรการของตำรวจอยู่แล้ว โดยเฉพาะการห้ามพกปืนข้ามจังหวัด แต่ก็จะมีข้อแม้ด้วยว่าตำรวจคนนั้นไปปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ถ้าปฏิบัติหน้าที่ ไปสงขลา ภูเก็ต ก็พกปืนได้ ไม่มีปัญหา มันเป็นมาตรการการป้องกันเรื่องของปืนหาย การเอาปืนไปจำนำ เรื่องอื่นไม่น่ามีปัญหา ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วย
“แต่คำสั่งเหมือน สภ.หนองจิก น่าจะเป็นเฉพาะ สภ.หนองจิกที่เดียว เพราะตอนนี้พื้นที่อื่นยังไม่มี รวมถึงพื้นที่ผมปฏิบัติงานอยู่ ตำรวจจะไปกินข้าวนอกพื้นที่หรือกลับบ้านที่อยู่นอกพื้นที่รับผิดชอบ จะเป็นปัญหาแน่นอนถ้าไม่มีอาวุธ ตำรวจต้องมีอาวุธ คือปืน ถ้าเกิดไปเจอเหตุเฉพาะหน้า เราคิดว่าไม่มีอะไร ถ้าเจอเหตุเฉพาะหน้า มีการจี้ปล้นกัน เราเป็นตำรวจถือว่าผิดนะถ้าไม่ช่วย เข้าข่าย 157 เลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะตำรวจคือผู้ดูแลประชาชน ไม่ว่า อยู่ที่ไหนก็ตาม”
“ถ้าไม่ช่วยก็เป็นปัญหาอีก จะมีคนถามว่าเป็นตำรวจทำไมไม่ไปช่วยเขา แล้วเราจะไปช่วยอย่างไร เราไม่มีอาวุธ เหมือนคนกรีดยาง ก็ต้องมีอาวุธของเขาคือมีดพร้า ตำรวจจะเอาอะไรสู้เขาล่ะ ถ้าปืนไม่มีที่เอวตำรวจก็ไม่กล้าไปไหนหรอก ตำรวจไม่มีปืนจะไปอย่างไร สภ.หนองจิก อาจจะเครียดหรืออาจมีสาเหตุอะไรที่ทำให้ผู้กำกับออกคำสั่งไปแบบนั้น”
@@ คำสั่งสวนทางปฏิบัติจริง
เจ้าหน้าที่ตำรวจรายเดิม กล่าวอีกว่า สำหรับปืนหลวง ตำรวจจะมีเขียนในเอกสารที่เบิกปืนมาว่า สามารถปฏิบัติหน้าที่ทั่วราชอาณาจักร แต่ก็มีบางชุดอีก เช่น ชุด ศชต. (ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้) สามารถพกปืนไปได้ทุกที่ ส่วนของ สภ.ก็น่าจะใช้คำสั่งนี้ เพราะปฏิบัติงานมาก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้
“ตำรวจหนองจิกจะปฏิบัติหน้าที่อย่างไร เพราะปืนพก ปืนส่วนตัวของตำรวจส่วนมากไม่ต้องขอ ป.12 คือ ใบพกพาอาวุธปืนที่อนุญาตโดยกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากตอนที่ซื้อปืนมา มีใบ ป.1 ระบุเลย ซื้อปืนไปทำอะไร ก็ระบุชัดเพื่อปฏิบัติหน้าที่ และตำรวจก็จะมี ป.4 คือ มีและใช้อาวุธ ออกโดยนายอำเภอ ใช้เฉพาะอำเภอได้ มันจบตรงนั้น”
“เรื่อง ป.12 (ใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน) อย่าว่าแต่ตำรวจเลย อส.ก็ไม่มี ทหารพรานก็ไม่มีใบ ป.12 แต่ที่ทำๆ กันอยู่ เพราะเราถือว่าเป็นคนของรัฐเหมือนกัน อะลุ่มอล่วยกัน แต่ก็เคยมีเหตุการณ์เมื่อ 2-3 ปีก่อนที่ตำรวจยะหา จ.ยะลา ถูกจับที่พัทลุง โดยพกอาวุธปืนหลวง เขาอ้างว่าไม่มีใบ ป.4 ก็ปืนหลวง จะทำ ป.4 อย่างไร ไม่ใช่ปืนส่วนตัว ส่วน ป.12 จะทำอย่างไรมันเป็นปืนหลวง แต่เขาก็ไม่ได้ส่งฟ้องอะไร เรื่องนี้ถ้ายังไม่แก้คำสั่ง ตำรวจหนองจิกจะเจอปัญหาอีกเยอะ”
@@ ทหารต้องไปเก็บศพตำรวจอีกเยอะแน่
ด้านเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนใต้ กล่าวว่า คำสั่งเป็นแบบนี้ ทหารต้องไปเก็บศพตำรวจอีกเยอะแน่ อยากให้พิจารณาใหม่ ถ้าอยากให้ตำรวจมีความปลอดภัย เพราะคนทำงานก็ต้องการความปลอดภัย คนออกคำสั่งเองก็ไม่ปลอดภัยด้วย ถ้าเป็นแบบนี้
@@ ชาวบ้านห่วงปล้นปืนจากมือลูกน้อง – จี้ทบทวน
ด้านประชาชนในพื้นที่ กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหา เพราะปืนหาง่าย ตำรวจต้องมาควบคุมเรื่องนี้ ไม่ใช่มาปล้นปืนจากมือลูกน้องไปแบบถูกกฎหมาย คำสั่งแบบนี้เหมือนปล้นปืนจากมือลูกน้องเลยนะ เขาจะทำงานอย่างไรได้ ต่อไปจะมีชาวบ้านออกมาโวยว่าตำรวจไม่ทำงาน แล้วจะให้ทำงานอย่างไร เพราะตำรวจไม่มีปืน ความปลอดภัยเขาไม่มี เขาจะไปช่วยคนอื่นอย่างไร
“ก็ยอมรับว่าถ้าไม่มีมาตรการนี้ ตำรวจก็จะใช้อาวุธไปทำร้ายชาวบ้าน ทำอะไรที่นอกกติกาอีก ปัญหามันจึงไม่จบ แต่ผมว่าทางออกเรื่องอาวุธไม่ใช่แบบนี้ ลองคิดดีๆ จะใช้มาตรการอะไรที่จะให้ชาวบ้านปลอดภัย ตำรวจปลอดภัย อะไรคือต้นเหตุของปัญหา ทางออกคืออะไร ผู้บังคับบัญชาเขาน่าจะคิดอะไรได้ดีมากกว่านี้”
@@ หนุน สภ.หนองจิก ทำถูกแล้ว – ย้ำตำรวจไม่ได้มีหน้าที่ 24 ชั่วโมง
ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรองจเรตำรวจ และเลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) กล่าวว่า คำสั่งของ สภ.หนองจิก เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฏหมายแน่นอน และทุกหน่วย รวมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ควรออกคำสั่งกำชับแบบนี้ทั่วประเทศด้วย
“ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ เจ้าพนักปกครองหรือตำรวจจะพกพาปืนโดยไม่ต้องมีใบพกได้ก็ต่อเมื่อ ‘อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่’ คือได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันอาชญากรรมในเขตที่ผู้สั่งมีอำนาจรับผิดชอบเท่านั้น ฉะนั้นข้อเท็จจริงคือไม่ใช่อย่างที่ตำรวจส่วนใหญ่เข้าใจกันว่า ความเป็นตำรวจมีหน้าที่ตลอดเวลาทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมั่วอ้าง ป.วิ อาญา และ พ.ร.บ.ตำรวจ รวมทั้งคำพิพากษาโบราณ”
พ.ต.อ.วิรุตม์ ตั้งข้อสังเกตทิ้งท้ายอย่าน่าสนใจว่า ตำรวจทุกคนมีหน้าที่ป้องกันอาชญากรรม คือสืบจับผู้กระทำผิดกฎหมายในทุกพื้นที่ทั่วประเทศตลอดเวลาจริงหรือ ถ้าเป็นตำรวจประจำอยู่กรุงเทพฯ ไม่ว่าโรงพัก ตำรวจแพทย์ พยาบาล กองการเงิน ไปเที่ยวเชียงราย ก็มีหน้าที่ต้องป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่นั้นด้วยจริงหรือ หากไม่ทำจะมีความผิดข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จริงหรือ หรือว่าพูดมั่วตามๆ กันเท่านั้น
ที่มา: สำนักข่าวอิศรา