เปิดไทม์ไลน์ 10 นาทีก่อนระเบิดคาร์บอมบ์นราธิวาส
ความคืบหน้าการคลี่คลายคดีคาร์บอมบ์นราธิวาส น้ำหนักอยู่ที่การแกะรอยรถกระบะสี่ประตูที่คนร้ายติดตั้งระเบิดเป็นคาร์บอมบ์ ซึ่งตัวรถโดนอานุภาพของระเบิด เหลือแต่โครงสีดำ
ข้อมูล/ข้อเท็จจริงที่เจ้าหน้าที่รวบรวมได้
รถคาร์บอมบ์ : อีซูซุ ดีแม็กซ์ สีดำ แบบสี่ประตู ทะเบียน กค 6961 ตรัง จดทะเบียน 8 มี.ค.2550
ผู้ครอบครองรถ (เดิม) : เป็นชาย (สงวนชื่อ) ภูมิลำเนา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง
เส้นทางรถ :
-นำรถไปขายเต็นท์รถ อ.เมือง จ.ตรัง เมื่อปี 2564
-เจ้าของเต็นท์รถ ให้หลานนำรถไปขายต่อที่ จ.พัทลุง
-หลักฐานครั้งสุดท้าย รถถูกขับผ่านด่านตรวจทางหลวงที่แยกสะปอม ต.ลำภู อ.เมืองนราธิวาส เวลา 16.52 น. วันที่ 6 ต.ค.65
-หมายความว่ามีการขับรถเข้าพื้นที่ อ.เมืองนราธิวาส ก่อนเกิดเหตุถึง 16 วัน
-ผู้ขับขี่ คือ น.ส.ฟาติฮะ (สงวนนามสกุล) โดนจับ-ปรับ ข้อหาขับรถโดยไม่มีใบขับขี่
ข้อมูลเชิงลึก :
-น.ส.ฟาตีฮะ อายุ 32 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
-ขณะโดนเจ้าหน้าที่เขียนใบสั่ง ตำรวจเห็นผู้ชาย 1 คน นั่งรถกระบะมาคู่กัน
-จนถึงปัจจุบัน น.ส.ฟาติฮะ ยังไม่ได้ชำระเงินค่าปรับ 400 บาท
สถานะล่าสุด : ติดตามตัว น.ส.ฟาติฮะ แต่ยังติดต่อไม่ได้ เจ้าหน้าที่จัดชุดไล่ล่า
ตรวจสอบเพิ่มเติม :
-น.ส.ฟาติฮะ เป็นเจ้าของรถคนใหม่จากการโอนลอยหรือไม่
-เมื่อขับรถเข้าพื้นที่นราธิวาสแล้ว น.ส.ฟาติฮะให้ใครยืมรถไป แล้วโดนคนร้ายนำไปก่อเหตุทำคาร์บอมบ์หรือไม่
-หรือ น.ส.ฟาติฮะ เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้
-หรือ น.ส.ฟาติฮะ ข้ามไปทำงานฝั่งมาเลย์ โดยฝากรถไว้กับใคร แล้วรถถูกนำมาคาร์บอมบ์โดยรู้เห็นหรือไม่รู้เห็น
เปิดไทม์ไลน์ 10 นาทีก่อนระเบิด
หลังเกิดคาร์บอมบ์ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด 3 จุด 3 มุมเมืองของนราธิวาส เพราะเชื่อว่าอย่างไรเสีย คนร้ายก็ต้องขับรถผ่านกล้องเหล่านี้ หากต้องการเข้ามาในเขตเทศบาล และแฟลตตำรวจซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ
-กล้องวงจรปิด บริเวณด่านจุดตรวจร่วมปลักบ้าน มุ่งหน้ามาจาก อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส
-กล้องวงจรปิด บริเวณจุดตรวจริมน้ำ ที่มุ่งหน้ามาจาก อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
-กล้องวงจรปิด บริเวณจุดตรวจโคกเคียน มุ่้งหน้ามาจาก อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส
ผลการตรวจสอบ :
12.35 น.วันเกิดเหตุ
– คนร้ายขับรถกระบะที่คาดว่าติดตั้งระเบิดไว้แล้ว ผ่านจุดตรวจริมน้ำ
-รถมุ่งหน้ามาจากพื้นที่บ้านค่าย อ.เมืองนราธิวาส
-รถจักรยานยนต์ตามมา 1 คัน ซึ่งผู้ขับขี่ใส่เสื้อลายสก๊อตตามหลังกันมา ซึ่งก็คือรถที่มารับคนขับกระบะออกไปจากแฟลตตำรวจ
-เมื่อถึงแยกโจโจ้ รถของคนร้ายทั้ง 2 คัน ได้เลี้ยวซ้าย ขับผ่าน 4 แยกไฟแดง ตรงไปทางด้านหลังของเรือนจำเก่า
-คนร้ายขับวนมาจนถึงแฟลตตำรวจ โดยรถจักรยานยนต์ก็ขี่ตามมา ขับมาถึงก่อน จอดติดเครื่องรอหน้าแฟลต
12.38 น.
-คนร้ายที่ขับรถกระบะ เลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดที่บริเวณแฟลตตำรวจ
12.40 น.
-คนร้ายจอดรถเรียบร้อย เดินออกจากแฟลต ไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของคนร้ายใส่เสื้อลายสก๊อตที่จอดรออยู่
12.44 น.
-เกิดระเบิดขึ้น
-เวลาเดียวกันนั้น คนร้ายทั้ง 2 คนนั่งรถจักรยานยนต์ผ่านจุดตรวจริมน้ำ
ความคืบหน้าของคดี :
-ได้ตัว “นายหน้าขายรถก่อนถูกนำไปทำคาร์บอมบ์” คือ น.ส.ไซนะ (สงวนนามสกุล) ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
-เชิญตัวมาสอบปากคำ ไม่พบพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงปล่อยตัว
-จนท.ควบคุมตัว นายอีราฮัม (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นบุคคลเป้าหมาย ส่งเข้ากระบวนการซักถาม
ข้อมูลการข่าวกลุ่มผู้ก่อเหตุ :
-อาจเป็นกลุ่มของ นายซากีมัน กูบารู เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.ตากใบ และสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
-สาเหตุที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์แบบนี้ เนื่องจากระเบิดที่ใช้ น่าจะขนส่งอุปกรณ์เข้าไทยด้าน อ.ตากใบ (เป็นช่องทางขนระเบิดและอุปกรณ์ระเบิดจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอยู่แล้ว) และประกอบระเบิดใน อ.ตากใบ ก่อนส่งเข้ามารอติดตั้งในรถที่ อ.เมือง
เจาะปริศนาคาร์บอมบ์นราธิวาส
ความสำคัญของ “คาร์บอมบ์” นราธิวาส คือ
-ไม่เคยเกิดมานานกว่า 6 ปี แต่กลับมาเกิดขึ้น
-สถิติคาร์บอมบ์ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นราธิวาสมากที่สุด พื้นที่เกิดเหตุมีทั้ง อ.สุไหงโก-ลก และ อ.เมือง แสดงว่ามีศักยภาพที่จะทำได้อยู่ก่อนแล้ว
-ก่อเหตุใน “ถิ่นตำรวจ”
ข้อสรุปจากข้อมูลที่ตำรวจสืบสวนมาได้
-คนร้ายดูลาดเลาแฟลตตำรวจไว้ก่อนแล้ว จึงขับรถเข้ามาจอด และเดินออกไปแบบเฉยๆ เหมือนคุ้นเคย
-คนร้ายทั้งคนขับรถกระบะ และคนขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่มีอาการตื่นกลัว ตื่นเต้น หรือว่อกแว่ก
-ปฏิบัติการครั้งนี้วางแผนมาอย่างดี แม้ ร.ต.อ.ผู้ตาย จะเรียกคนร้าย แต่ก็ไม่ได้ทำแผนแตกด้วยการวิ่งหนี สุดท้าย ร.ต.อ.โดนระเบิดเสียชีวิต
-การพิสูจน์ทราบตัวผู้ก่อเหตุ ไม่ยากนัก เพราะมีภาพจากกล้องวงจรปิดวิเคราะห์ได้
-แต่สิ่งที่ยากคือ การหาชนวนเหตุที่เป็นแรงจูงใจในการก่อเหตุ
ความแปลกของแผนประทุษกรรม
1.ปกติรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จะมาจากรถโจรกรรม มีการแจ้งหาย
-กลุ่มก่อความไม่สงบจะมีแหล่งดัดแปลงรถ ซุกซ่อนรถในพื้นที่ (อยู่ในหมู่บ้านลึกๆ ที่ห่างไกลจากการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่)
-รถจะถูกดัดแปลง เปลี่ยนทะเบียน หรือถูกนำไปใช้เพื่อทดสอบความเข้มของด่านตรวจ
-เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมตามแผนก่อเหตุ ก็จะนำรถออกมาใช้
2.แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ รถที่นำมาใช้ ไม่ใช่รถโจรกรรม
3.เป็นเรื่องน่าแปลก หาก น.ส.ฟาติฮะ ร่วมขบวนการด้วย และมีการให้เจ้าตัวที่ไม่มีใบขับขี่ ขับรถเข้าเขตเมืองจนถูกจับกุม เขียนใบสั่ง แต่หลังเกิดเหตุ เจัาหน้าที่กลับยังไม่สามารถติดตามตัวได้ ยังไม่ชัดว่าแค่ถูกหลอกให้ขับเข้านราธิวาส หรือเป็นนกต่อกันแน่
บทสรุปในขณะนี้ กลุ่มผู้ก่อเหตุยังมีความเป็นไปได้ทั้งฝ่ายขบวนการก่อความไม่สงบ หรือกลุ่มภัยแทรกซ้อน (ค้ายา อาวุธ ของเถื่อน) หรือทั้งสองกลุ่มร่วมมือและเอื้อประโยชน์กัน
ที่มา Isranews สำนักข่าวอิศรา / shaychaidantai