ผู้แสวงบุญฮัจย์จากไทยถูกลอยแพที่ซาอุฯครึ่งพัน!
“ผู้แสวงบุญฮัจย์ – แซะห์” ถูกบริษัทประกอบการฮัจย์ยะลา ลอยแพในซาอุฯ ปล่อยอดมื้อกินมื้อ ซ้ำให้พักไกลมัสยิดมักกะฮ์ ทั้งที่จ่ายไปคนละ 2.7 แสน แต่ไม่ได้ตามที่ตกลง เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ พบข้อมูลบริษัทเจ้าปัญหาเคยมีพฤติกรรมซ้ำซากจนถูกขึ้นแบล็กลิสต์ แต่กลับมาเปิดใหม่ได้หน้าตาเฉย
วันอาทิตย์ที่ 16 ก.ค.66 “ทีมข่าวอิศรา” ได้รับการแจ้งข่าวว่า มีกลุ่มผู้แสวงบุญฮัจย์จากภาคใต้ จำนวน 21 คนที่ถูกบริษัทประกอบการฮัจย์ใน จ.ยะลา ลอยแพ ปล่อยทิ้งให้อยู่ห่างไกลจากเมืองมักกะฮ์ ทั้งไม่ดูแลเรื่องอาหารการกินและความเป็นอยู่ ปล่อยให้ผู้แสวงบุญต้องช่วยเหลือตัวเองตามมีตามเกิด ทำให้ต้องไปอาศัยความช่วยเหลือจากมัสยิดใกล้ๆ ที่พักที่พอช่วยเฉพาะหน้าได้
ในจำนวนผู้แสวงบุญที่ถูกปล่อยทิ้ง มีผู้สูงอายุนั่งรถวีลแชร์ร่วมคณะนี้ด้วย สภาพความเป็นอยู่ไม่ได้เป็นไปตามที่บริษัทพูดคุยตกลงกับแซะห์และผู้แสวงบุญช่วงก่อนเดินทาง ทั้งที่ผู้แสวงบุญและแซะห์กลุ่มนี้เสียค่าใช้จ่ายไปแล้วกว่า 2.7 แสนบาทต่อคน
“ทีมข่าวอิศรา” ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมทำให้ทราบว่า ผู้แสวงบุญกลุ่มเดียวกันนี้ที่ได้รับความเดือดร้อนมีมากกว่า 500 คน แต่คนอื่นๆ ที่พบปัญหา ยังมีเงินเหลือ จึงร่วมกันไปหาที่อยู่กันเอง ขณะเดียวกันก็มีบางกลุ่มที่ไม่กล้าออกมาเรียกร้อง จึงทำให้มีผู้ที่ลงชื่อขอความเป็นธรรมมีแค่ 21 คน
ในส่วนของเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น ขณะนี้ได้รับทราบข้อมูลแล้ว กำลังอยู่ระหว่างพยายามหาแนวทางและเจรจากับบริษัท แต่ทางกลุ่มผู้แสวงบุญที่ได้รับความเดือดร้อนยืนยันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่มีใครให้ความช่วยเหลือใดๆ มีแต่เจ้าหน้าที่ขอข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น
หนึ่งในผู้แสวงบุญฮัจย์ที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า พวกเราถูกลอยแพในประเทศซาอุฯ เจอปัญหามาตั้งแต่วันแรกจนถึงขณะนี้ ทั้งที่เราและแซะห์ได้จ่ายเงินให้ผู้ประกอบการครบทั้งหมดแล้ว พวกเราออกเดินทางมาเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.66 จากสนามบินหาดใหญ่ แล้วมาอยู่ตรงนี้ห่างจากนครมักกะฮ์ เป็นระยะทางประมาณกว่า 1 กิโลเมตร (อยู่นอกเมือง) และอยู่ห่างจากจุดแสวงบุญมาก ทำให้ไม่สามารถประกอบพิธีตามสมควร อีกทั้งไม่มีการดูแลอาหารการกินให้กับทุกคนเลย
“รู้สึกไม่เป็นธรรมถูกเอาเปรียบจากบริษัท จึงอยากขอความช่วยเหลือภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือโดยด่วน ให้พวกเราได้ไปพักใกล้มักกฮ์ตามที่บริษัทเคยแจ้งเอาไว้ ว่าจะให้เข้าพักที่โรงแรม sofwa hotel (ระบุใน ID Card) ถึงแม้บริษัทจะระบุว่า อาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นโรงแรม 3-5 ดาว หรือเทียบเท่า แต่ตึกที่พักจริงน้ันไม่ได้มาตรฐานตามกำหนด ไม่ถูกสุขลักษณะ”
“การทางเดินเข้าโรงแรมเป็นทางขึ้นเนิน รถวิ่งสวนไม่ได้ แม้แต่จะใช้รถวีลแชร์ก็ลำบาก โดยระยะทางถึงมัสยิดอัลฮะรอม นครมักกะฮ์ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร หากเดินเท้าต้องเดินทางไปมัสยิด ใช้เวลาไปกลับชั่วโมงกว่า ทำให้ฮุจญาต (ผู้แสวงบุญ) ที่มีอายุเยอะ 60 – 84 ปี ต้องละหมาดบริเวณที่พักเท่านั้น ไม่สามารถเดินทางไปละหมาดที่มัสยิดได้ตามสมควร”
ผู้แสงบุญฮัจย์รายเดิม เล่าอีกว่า ตอนนี้ทุกคนนอนร้องไห้ทุกคืน เพราะสิ่งที่บริษัททำ ทั้งที่ได้เงินไป 279,000 บาท และจ่ายล่วงหน้ากันมาก่อนสถานการณ์โควิด รวมระยะเวลา 2-3 ปีด้วย เป็นเรื่องที่ทำใจยอมรับไม่ได้ นอกจากนี้ขอให้ได้ไปที่เมืองมะดีนะฮ์ 8-10 วัน เพื่อไปละหมาดที่มัสยิดนะบะวีย์ อย่างน้อย 40 วักตู (เวลาละหมาด) ตามที่ควรจะเป็นจากที่คุยในตอนแรก
“ตอนนี้แซะห์และผู้ดูแลก็ลำบากพร้อมกับพวกเรา แซะห์เขาจ่ายเงินให้บริษัทครบ ปัญหาคือ บริษัททิ้งเรา ปล่อยให้เรามาลำบากไม่สามารถไปมักกะฮ์ได้ตามที่ควร ทุกคนไม่ได้เรียกร้องอะไรไปมากกว่าสิทธิ์ที่สมควรจะได้รับตามที่คุยไว้ ฮุจญาตบางคนไม่ได้รวย เก็บเงินมาทั้งชีวิต บางคนขายดินเพื่อมาบ้านของพระเจ้า ได้ทำฮัจย์ ก็ช่วยเหลือกันแต่รู้สึกไม่เป็นไปตามที่คุยไว้”
ผู้แสวงบุญรายเดิม กล่าวทิ้งท้ายว่า ตอนนี้พวกเราไม่รู้ชะตากรรมเลย ต้องทำอะไร จะไปไหนต่อเมื่อไหร่ ไม่มีใครบอกเราได้เลย บริษัทก็ติดต่อไม่ได้ มีแซะห์กับผู้ช่วยแต่ก็ติดต่อบริษัทไม่ได้ เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานก็ได้ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข้อง และพรรคการเมืองต่างๆ ก็ยังไม่มีติดต่อมา เรื่องอาหารพวกเราก็ช่วยกันเอง ดูแลกันเอง ลำบากมาก
ด้าน นายอดุล ประเสริฐดำ ผู้ช่วยแซะห์ กล่าวว่า ตนก็งงเหมือนกันที่โปรแกรมตลอดการเดินทางไม่ได้เป็นไปตามที่บริษัทแจ้งไว้ตั้งแต่ต้น วันแรกพวกเรามาก็มาอยู่ตรงนี้ พอมาถึงวันที่ 3 อาหารเราก็หมด ยังงงในสิ่งที่เกิดขึ้น บางคนได้ย้ายไปใกล้มักกะฮ์ แต่เราไม่ได้ย้าย ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นี่ก็ใกล้จะได้กลับแล้วก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไร อย่างไรต่อ
“ในการไปมัสยิดเป็นเรื่องใหญ่ ต้องเดินทางชั่วโมงกว่า อายุบางคนก็มาก บางคนขายที่ดินมา ก็อยากได้สิทธิ์ตามที่สมควร ตามที่บริษัทได้คุยกับแซะห์ คนที่เดือดร้อนกว่า 280 คน แต่ที่กล้าออกมาร้องเรียนแค่ 21 คน แซะห์จ่ายเงินให้บริษัทครบหมดแล้ว ตอนนี้ทุกคนยังไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ พวกเรายังรอการช่วยเหลือจากทุกหน่วยงาน จากรัฐบาล จากทุกคน ขอได้โปรดช่วยเหลือพวกเราทุกคนที่นี้ด้วย”
ด้านเจ้าหน้าที่ในจังหวัดยะลารายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า บริษัทนี้มีปัญหาก่อนเดินทางแล้ว มีผู้เดินทางรวมทั้งหมด 548 คน แต่ค้างค่าเครื่องบิน 11 ล้านบาท กว่าจะได้บินก็เคลียร์ปัญหากันจนวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะบิน ซึ่งก็คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ก็รู้สึกตกใจที่ได้มาทราบว่าผู้แสวงบุญกลุ่มนี้ถูกลอยแพ ตอนนี้มีความพยายามประสานงานกับหลายภาคส่วนให้มาดูแลช่วยเหลือ
ขณะที่ชาวไทยในนครมักกะฮ์รายหนึ่ง กล่าวว่า ผู้แสวงบุญกลุ่มนี้ที่มีปัญหา 500 กว่าคน มีแซะห์ 40 คน พวกเขาถูกบริษัทลอยแพ ปัญหาอยู่ที่บริษัท ไม่ได้เกี่ยวกับแซะห์ ซึ่งทางแซะห์ได้จ่ายเงินให้บริษัทครบแล้ว ที่สำคัญทราบว่าเจ้าของบริษัทไม่ได้เดินทางมาดูแลเอง แต่ให้ภรรยากับลูกมาดูแล ซึ่งเป็นภรรยาคนที่เท่าไหร่ไม่แน่ใจ แต่ทราบข้อมูลว่า พอเกิดเรื่อง ภรรยาและลูกมาพักที่โรงแรมฮิลตันใกล้ๆ มักกะฮ์ ก็ได้แต่ร้องไห้
แหล่งข่าวอีกราย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า บริษัทดังกล่าวเจ้าของเคยมีประวัติลักษณะนี้มาตลอด เปิดบริษัทมาแล้วโดนแบล็กลิสต์มา 3 ครั้งแล้วก็เปิดใหม่ เป็นแบบนี้ทุกครั้ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะดำเนินการแก้ปัญหานี้ให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก เพราะปัญหานี้ไม่ได้มีครั้งนี้ครั้งแรก แต่มีมาตลอด เพียงแต่ไม่มีใครกล้ามาเรียกร้องขอความเป็นธรรม
——————————-
ที่มา : ศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา