ข่าวในประเทศพัฒนาชุมชนคนมุสลิม

“กูเฮง” เปิดใจนั่งเก้าอี้เลขาฯรัฐมนตรี – “ทวี” จ่อดึงบ้านใหญ่นราฯ

เป็นอีกคนหนึ่งที่พลาดเก้าอี้ สส. แต่พรรคเปิดโอกาสให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

กูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะอดีตผู้สมัคร สส.นราธิวาส ลูกชาย กูเซ็ง ยาวอหะซัน นายก อบจ.นราธิวาส ซึ่งพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งอย่างพลิกความคาดหมายสุดๆ ทั้งๆ ที่เคยเป็นผู้ชนะ และเป็น สส.มาแล้วถึง 3 สมัย รวมถึงการเลือกตั้งเมื่อปี 62 ด้วย

กูเฮง เผยความในใจภายหลังมีประชาชนในพื้นที่แห่แสดงความยินดีอย่างกว้างขวางกับสถานะใหม่ “เลขาฯ รมว.ยุติธรรม”

“จริงๆ แล้วเป็นเพราะผู้ใหญ่ให้โอกาสมากกว่า หลังจากเลือกตั้งมา ทุกคนก็รู้ว่าเราทำงานกันหนักมากในเรื่องหาเสียงและการทำงานในพื้นที่ เพื่อให้พรรคได้มาถึงทุกวันนี้ ผู้ใหญ่ก็ให้โอกาสในการทำงาน เขาจะให้มาร่วม จะมาแก้ปัญหา แต่บังเอิญว่าตำแหน่งนี้อาจใหญ่ไปนิดหนึ่ง แต่ความรับผิดชอบก็ตามมามากขึ้นกว่าเดิม ก็ต้องพยายามพิสูจน์ตัวเอง ทำให้ดีที่สุด ตามที่หัวหน้าพรรคและทุกคนให้ความไว้วางใจ”

ในฐานะอดีต สส.ชายแดนใต้ และมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.นราธิวาส กูเฮงยืนยันไม่ทิ้งพื้นที่ปลายด้ามขวาน

“ในการแก้ปัญหาในพื้นที่ ถึงแม้ว่าจะเป็นกระทรวงยุติธรรม แต่บทบาทค่อนข้างจะเยอะมาก โดยเฉพาะการช่วยเหลือทุกคนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะว่ากระทรวงยุติธรรมจะเกี่ยวข้องในเรื่องกฎหมาย ซึ่งปัญหาสามจังหวัดเรามีปัญหามากเรื่องกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่ดิน เรื่องสิทธิมนุษยชน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย บ้านเราจะเป็นประเด็นใหญ่ การจะแก้ปัญหาให้จบได้จริงก็คือแก้ที่กฎหมาย”

“บ้านเรามีกฎหมายเยอะ และจะเขียนไว้ชัดเจนว่าประชาชนสามารถอยุ่จุดไหนได้ แล้วรัฐจะมีเส้นแบ่งเขตว่าอะไรที่เราละเมิดได้ อะไรละเมิดไม่ได้ เราต้องยอมรับว่าประชาชนคือคน ที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ข้าราชการ วันนี้เราต้องให้ความสำคัญกับประชาชนให้เขารู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สามารถดำเนินชีวิติได้ตามปกติอย่างมีความสุข เหมือนอารยะประเทศที่ทุกคนต้องเหมือนกัน เท่าเทียมกัน”

ในหมวกเลขานุการ รมว.ยุติธรรม กูเฮง มุ่งเน้นงานด้าน “ความเป็นธรรม” ตามหน้างานหลักของกระทรวง แต่ไม่ได้จำกัดเฉพาะความเป็นธรรมในทางอาญาเท่านั้น แต่ขยายไปทุกเรื่องที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชน

“เรื่องความเป็นธรรมถือเป็นเรื่องอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดิน เรื่องสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าจะเป็นระบบกฎหมาย ของทางราชการ โดยเฉพาะกฎหมายพิเศษที่เราใช้อยู่นี้ ค่อนข้างไปจำกัดสิทธิและเสรีภาพ ตอนนี้เราอยู่ที่นี่ไม่เหมือนกับอารยประเทศ เราไม่ได้มีความอิสระเหมือนประเทศอื่น วันนี้ออกจากบ้านก็จะมีคนถามว่าจะไปไหน วันหนึ่ง 4-5 ครั้งที่จะต้องตอบคำถาม ทั้งที่บ้านอยู่ตรงนั้นเอง เห็นกันทุกวัน แต่ทุกๆ วันก็ต้องตอบคำถาม ซึ่งมันไม่น่าจะมีคนมาถาม ก็บ้านเราอยู่นี่ จะให้เราไปไหน”

“วันนี้เราจะทำอย่างไรให้ประชาชนรู้สึกว่าเขามีชีวิตปกติ สามารถดำเนินชีวิตได้ปกติ ได้ทำงานเป็นปกติ มีชีวิตอิสระเหมือนคนทั่วไป เหมือนคนจังหวัดอื่น หรือเหมือนคนประเทศอื่น สิ่งเหล่านี้คือเรื่องสำคัญที่สุดของประชาชน และเป็นนโยบายหลักอยู่แล้วที่จะต้องทำ”

อนึ่ง สำหรับตำแหน่งข้าราชการการเมืองของกระทรวงยุติธรรมที่มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงนั้น นอกจากจะมีการแต่งตั้ง นายกูเฮง เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแล้ว ยังมีการแต่งตั้งให้ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับ 3 ของพรรค ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมด้วย

@@ จับเข่าคุย “กูเซ็ง” สะพัดดึงบ้านใหญ่นราฯเข้าประชาชาติ

กูเฮง ยาวอหะซัน เป็นลูกชายของ กูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นราธิวาส ที่ดำรงตำแหน่งต่อเนื่องยาวนานหลายสิบปี

กูเซ็ง ถือเป็น “บ้านใหญ่” ของการเมืองบางนรา เป็น “กลุ่มการเมืองดาวฤกษ์” ไม่ว่าจะสวมเสื้อพรรคไหน ชาวบ้านก็ไว้วางใจ ได้เข้าสภาตลอด ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติไทย ชาติไทยพัฒนา พลังประชารัฐ และล่าสุดรวมไทยสร้างชาติ

แต่เมื่อมีพรรคประชาชาติในสมรภูมิเลือกตั้งเมืองนราฯ ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 62 เป็นต้นมา ตระกูล “ยาวอหะซัน” แยกสังกัด 2 พรรค โดย กูเฮง ยาวอหะซัน อยู่กับพรรคประชาชาติ แม้ว่าบิดา และ วัชระ ยาวอหะซัน พี่ชาย จะเข้าค่ายพลังประชารัฐ และต่อด้วยรวมไทยสร้างชาติก็ตาม

ก่อนเลือกตั้งปี 66 มีข่าว “บ้านใหญ่กูเซ็ง” อาจตัดสินใจร่วมงานกับพรรคประชาชาติ เพื่อจับมือกันสู้ศึกเลือกตั้งนราธิวาสที่เพิ่มจำนวนเขตเป็น 5 เขต สส. 5 คน จากเดิมแค่ 4 เขต

แถมยังมี “บ้านใหม่” แรงขึ้นมา คือ “ตระกูลมะยูโซ๊ะ” ที่นำโดย สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ หรือ “สส.บีลา” แห่งพลังประชารัฐ ส่งน้องชายลงสมัครคู่กัน ขอเก้าอี้ สส. 2 จาก 5 เขต

หนำซ้ำ นัจมุดดีน อูมา อดีต สส.นราธิวาสหลายสมัย ยังหวนคืนเวที มาเป็นกุนซือและแม่ทัพนราธิวาสให้กับ “พรรคเจ้าบุญทุ่ม” อย่างภูมิใจไทยอีกด้วย

แต่สุดท้าย “บ้านใหญ่” ก็แยกกันเดิน กูเซ็งให้ลูกชายคนโต คือ วัชระ ย้ายออกจากพลังประชารัฐ ไปสังกัดรวมไทยสร้างชาติ (จากพรรคลุงป้อม มาอยู่พรรคลุงตู่) ส่วนกูเฮง ยังยืนยันสู้ต่อกับประชาชาติ แต่สุดท้ายพ่ายแพ้

กูเฮงสอบตกอย่างพลิกความคาดหมาย ส่วนพี่ชาย คือ วัชระ ยังฝ่าด่านหินเข้าสภาได้ เช่นเดียวกับสองพี่น้องมะยูโซ๊ะ และ ดร.ซาการียา สะอิ หน้าใหม่จากภูมิใจไทย ภายใต้การผลักดันของนัจมุดดีน

หลังเลือกตั้งจึงมีข่าวสะพัดมาอีกระลอกว่า น่าจะถึงเวลาที่ กูเซ็ง ตัดสินใจพา “บ้านใหญ่” เข้าเป็นส่วนหนึ่งของพรรคประชาชาติ เพราะรวมไทยสร้างชาติน่าจะไม่มีอนาคตในการเลือกตั้งหนหน้า เนื่องจาก “ลุงตู่” วางมือเรียบร้อยแล้ว

ส่วน “บ้านใหม่” ทั้ง “มะยูโซ๊ะ” และ นัจมุดดีน ยิ่งนับวันก็ยิ่งแรง เพราะได้ร่วมรัฐบาลไม่ต่างอะไรกับประชาชาติ

“บ้านใหญ่” กับ “บ้านใหม่” ไม่ค่อยลงรอยกัน เป็นเรื่องที่รับรู้กันทั่ว ทางเลือกของ “บ้านใหญ่” ที่ปลอดภัยที่สุด คือจับมือกับประชาชาติ ซึ่งก็เป็นแผนเดิมที่เคยคิด แต่ไม่ได้เลือกก่อนเลือกตั้ง ด้วยความจำเป็นของ “บารมีลุง”

เมื่อเร็วๆ นี้ ที่สำนักงาน อบจ.นราธิวาส ต.โคกเคียน อำเภอเมือง จ.นราธิวาส พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้เดินทางเข้าพบ “นายก กูเซ็ง” พร้อมคณะผู้บริหาร อบจ. เพื่อหารือแนวทางการร่วมมือกันพัฒนาจังหวัด และแก้ไขปัญหาของนราธิวาสในทุกมิติ

และโอกาสนี้เองที่ พ.ต.อ.ทวี ได้เอ่ยขออนุญาตกับ “นายก กูเซ็ง” ขอให้ลูกชาย คือ กูเฮง ยาวอหะซัน ไปเป็นเลขานุการรัฐมนตรีของตน ซึ่งนับเป็นการให้เกียรติ “บ้านใหญ่ยาวอหะซัน” สร้างความประทับใจกับ “นายก กูเซ็ง” อย่างมาก เพราะลูกชายพ่ายแพ้จากสนามเลือกตั้ง แต่ก็ยังมีตำแหน่งแห่งที่ทางการเมืองรองรับ

งานนี้ว่ากันว่า ปลายทางของบ้านใหญ่เมืองนราฯ หนีไม่พ้นชายคาพรรคประชาชาติ!

ที่มา: isranews.org