ป.ป.ช.สุ่มตรวจด่านชั่ง สิบล้อบรรทุกน้ำหนักเกินคันละ 10 ตัน!

ป.ป.ช.ปัตตานี ลงพื้นที่ติดตามสังเกตการณ์การตั้งด่านสุ่มตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกในพื้นที่ อ.หนอกจิก – สายบุรี พบรถสิบล้อบรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนดกว่า 10 ตันต่อคัน จับกุมส่งดำเนินคดี เผยคดี “กำนันนก” ยิงตำรวจทางหลวงดับคาบ้านผ่าน 5 เดือน ทุกอย่างเหมือนเดิม

เมื่อเร็วๆ นี้ นายธีรชัย สุขเกษม ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานป้องกันการทุจริต ลงพื้นที่ติดตามและสังเกตการณ์การตั้งด่านสุ่มตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกน้ำหนักเกินของกรมทางหลวง

โดยมี นายสมกิตติ์ กิตติโศภิษฐ์ ผอ.แขวงทางหลวงปัตตานี, นายสุวิชัย นวลฉวี รอง ผอ.แขวงทางหลวงปัตตานี, นายจเรย์ พูลผล หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักหาดใหญ่, นายนรัลกร วรรณรักษ์ ผอ.ส่วนอำนวยความปลอดภัย สำนักงานทางหลางที่ 18 สงขลา และเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงปัตตานี ร่วมกันตั้งด่านสุ่มตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกน้ำหนัก โดยใช้เครื่องตรวจชั่งน้ำหนักแบบเคลื่อนที่ (Spot Check) เพื่อป้องกันรถบรรทุกน้ำหนักเกินจนเป็นเหตุให้ถนนเกิดการชำรุดเสียหาย และติดตามการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับรถบรรทุกน้ำหนักเกินของสำนักงาน ป.ป.ช.

ในช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ติดตามและสังเกตการณ์การตั้งด่านสุ่มตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกน้ำหนักบนถนนทางหลวงหมายเลข 43 (ปัตตานี-หาดใหญ่) บริเวณพื้นที่ ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จากการสังเกตการณ์การตั้งด่านสุ่มตรวจ พบมีรถสิบล้อบรรทุกดินลูกรังวิ่งผ่าน เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งสัญญาณให้รถบรรทุกวิ่งเข้าเครื่องชั่งน้ำหนักแบบเคลื่อนที่ (Spot Check) ผลการตรวจชั่งน้ำหนักพบว่า รถบรรทุกมีน้ำหนักรวม 36,800 กิโลกรัม (36.9 ตัน) ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงได้ดำเนินการจับกุมและนำตัวผู้ขับขี่และรถบรรทุกส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองจิก ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ตามกฎหมายรถบรรทุกสิบล้อดังกล่าว เป็นชนิด 3 เพลา ใช้ยาง 10 เส้น กฎหมายกำหนดให้บรรทุกน้ำหนักได้ไม่เกินกว่า 25,000 กิโลกรัม (25 ตัน) แต่จากการตรวจชั่งมีน้ำเกินตามที่กฎหมายกำหนดมา 11,800 กิโลกรัม (11.8 ตัน)

ต่อมาในช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ติดตามการตั้งด่านสุ่มตรวจชั่งน้ำหนักรถบรรทุกน้ำหนักบนถนนทางหลวงหมายเลข 42 (ปัตตานี-นราธิวาส) บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านกลาพอ ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี โดยได้เรียกสุ่มตรวจชั่งน้ำหนักรถสิบล้อบรรทุกทรายที่วิ่งผ่านบริเวณดังกล่าวให้เข้าเครื่องตรวจชั่งน้ำหนัก

ผลการชั่งน้ำหนัก พบรถบรรทุกมีน้ำหนักรวม 37,750 กิโลกรัม (37.75 ตัน) เกินกว่าพิกัดตามที่กฎหมายกำหนดสำหรับรถประเภทนี้มา 12,750 กิโลกรัม (12.75 ตัน) จึงได้จับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สายบุรี ซึ่งเป็นเขตท้องที่เพื่อดำเดินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการติดตามสังเกตการณ์การดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เสนอข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับรถบรรทุกน้ำหนักเกินต่อคณะรัฐมนตรี โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2564 มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาดำเนินการการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

โดยมีรายละเอียดข้อเสนอแนะดังนี้

1.การบังคับใช้กฎหมายให้สามารถเอาผิดและลงโทษผู้ประกอบการที่บรรทุกน้ำหนักเกินอย่างเป็นรูปธรรม

2.พิจารณาการจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) ในการควบคุมกำกับดูแลถนนในแต่ละเขตความรับผิดชอบอย่างบูรณาการ

3.จัดให้มีการประชุมหารือร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาในประเด็นการบังคับใช้กฎหมาย

4.ให้มีการออกมาตรการให้รถบรรทุกมีใบชั่งระบุน้ำหนักบรรทุกตั้งแต่ต้นทาง

5.ผลักดันการนำระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติมาใช้ในการดำเนินการ เช่น High-speed weigh-in-motion; HSWIM และ Bridge weigh-in-motion; BWIM

6.เพิ่มมาตรการการกำกับดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่มีปัญหาการทุจริต

อนึ่ง ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 66 เกิดกระแสการตรวจสอบรถบรรทุกน้ำหนักเกิน และส่วยรถบรรทุกอย่างกว้างขวาง หลังเกิดเหตุการณ์ตำรวจทางหลวงถูกยิงเสียชีวิตคาบ้าน “กำนันนก” หรือ นายประวีณ จันทร์คล้าย กำนันและนักธุรกิจขนส่งคนดังของเมืองนครปฐม เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2566 โดยแนวทางการสืบสวนเชื่อว่าสาเหตุการสังหารอาจเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งเรื่องส่วยรถบรรทุกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

แต่ปรากฏว่าผ่านเหตุการณ์มา 5 เดือน ปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.สุ่มตรวจที่ จ.ปัตตานี 2 จุด พบรถบรรทุกน้ำหนักเกินทั้ง 2 จุด เรียกว่าตรวจเมื่อไรเป็นเจอเมื่อนั้น แถมแต่ละคันยังบรรทุกน้ำหนักเกินคันละกว่า 10 ตัน หรือ 10,000 กิโลกรัมเลยทีเดียว

ที่มา : ศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา