กบฏฮูตีอ้างโจมตีเรือบรรทุกสินค้าสหรัฐ ในทะเลแดง
กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ระบุว่า ได้โจมตีเรือพาณิชย์ของสหรัฐฯ ในทะเลแดง โดยมุ่งเป้าไปที่เรือขนส่งเชิงพาณิชย์
กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ระบุว่า ได้โจมตีเรือพาณิชย์ของสหรัฐฯ ในทะเลแดง ถือเป็นการโจมตีครั้งล่าสุดที่มักมุ่งเป้าไปที่เรือขนส่งเชิงพาณิชย์ โดยตั้งชื่อเรือลำดังกล่าวว่า KOI ซึ่งระบุว่าดำเนินการโดยบริษัทสหรัฐฯ
บริษัทรักษาความปลอดภัยทางทะเล แอมเบรย์ กล่าวว่าเรือลำหนึ่งที่ปฏิบัติการที่ท่าเรือกรุงเอเดน ทางใต้ของเยเมน ได้รายงานเหตุระเบิดบนเรือ แต่ไม่ได้ระบุชื่อเรือลำดังกล่าว
ขณะเดียวกัน กองทัพสหรัฐฯ ได้เปิดปฏิบัติการโจมตีโดรนโจมตี 10 ลำในเยเมน รวมถึงสถานีควบคุมภาคพื้นดินของกลุ่มกบฏฮูตีที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ด้านกองบัญชาการกลางของกองทัพสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เรือรบสหรัฐฯ ยังสามารถยิงสกัดขีปนาวุธต่อต้านเรือของฮูตี และโดรนอิหร่าน 3 ลำ กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ระบุว่า โดรน 10 ลำที่กำลังเตรียมพร้อมปฏิบัติการในเยเมนได้ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อเรือสินค้าและเรือรบสหรัฐฯ ในภูมิภาค
ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ KOI เป็นเรือบรรทุกสินค้าที่ติดธงไลบีเรีย ดำเนินการโดย โอเชโอนิกซ์ เซอร์วิสเซส (Oceonix Services) ในสหราชอาณาจักร โดยเรือของบริษัทเดียวกันนี้ยังรวมถึงเรือบรรทุกน้ำมัน มาร์ลิน ลูอันดา ที่ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธเมื่อวันเสาร์
กลุ่มฮูตีถือว่าเรือของอิสราเอล สหรัฐฯ และอังกฤษทั้งหมดเป็นเป้าหมายที่ชอบธรรม ภายหลังการทำสงครามกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาของอิสราเอล และทั้งสหรัฐฯ และอังกฤษต่างมุ่งเป้าไปที่ตำแหน่งขีปนาวุธของฮูตี โดยกล่าวว่าเป็นความพยายามในการปกป้องการค้า
ยาห์ยา ซาเรีย โฆษกกองทัพฮูตี กล่าวเมื่อวันพุธว่า กองกำลังของกลุ่มได้มุ่งเป้าไปที่เรือพาณิชย์ของอเมริกาชื่อ KOI ด้วย “ขีปนาวุธทางเรือหลายลูก” เขากล่าวว่าเรือลำนี้กำลังมุ่งหน้าไปยัง “ท่าเรือของปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง” ซึ่งเป็นวลีที่บางครั้งหมายความถึงอิสราเอล และกล่าวเสริมว่าเยเมนจะไม่ลังเล ที่จะตอบโต้การคุกคามของอังกฤษและสหรัฐฯ
โฆษกของกลุ่มฮูตีกล่าวว่า “เรือของอเมริกาและอังกฤษทุกลำในทะเลแดงและทะเลอาหรับ เป็นเป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมายสำหรับกองทัพเยเมน ตราบใดที่การรุกรานของอเมริกาและอังกฤษต่อประเทศของเรายังคงดำเนินต่อไป”
การโจมตีการขนส่งในทะเลแดงของฮูตีได้ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดปัญหาด้านอุปทานสินค้า ทำให้เรือหลายบริษัทเลี่ยงไปใช้เส้นทางอ้อมทวีปแอฟริกาที่ใช้เวลานานขึ้นและเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น ส่วนเรือบรรทุกน้ำมันยังคงล่องผ่านทะเลแดงอยู่