ทอดผ้าป่าสุไหงปาดี วัดเก่าแก่ 233 ปี…สุดยิ่งใหญ่
“พ.ต.อ.ทวี” ลงพื้นที่นราธิวาส ลุยสางปัญหายานรก ปลุกพลังภาคประชาชนเพิ่มศูนย์บำบัดผู้เสพ มอบการบ้านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พัฒนาการศึกษาผู้ต้องหาทุกคน หวังสร้างโอกาสหลังพ้นโทษ ตัดวงจรกระทำผิดซ้ำ พร้อมร่วมงานทอดผ้าป่าวัดโบราณสถิตย์ วัดเก่าแก่ 233 ปีแห่งสุไหงปาดี
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ลงพื้นที่ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ยุทธศาสตร์ของพรรค
โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้ไปเป็นประธานในพิธีฉลองวิหาร “พ่อท่านเขื่อน” และทอดผ้าป่าที่วัดโบราณสถิตย์ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ มีอายุถึง 233 ปี เป็นที่สักการะและยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนไทยพุทธในพื้นที่ ซึ่งภายในงานมีขบวนแห่ และขึ้นช้างร่วมขบวนแห่ด้วย
“พ่อท่านเขื่อน” หรือ “หลวงพ่อเขื่อน” เป็นพระเกจิชื่อดังในพื้นที่ ประชาชนนับถือศรัทธาเป็นอย่างมาก ทางวัดและลูกศิษย์ลูกหามีการผลิตเหรียญ “หลวงพ่อเขื่อน” เป็นที่สนใจของนักเลงพระ และวงการพระเครื่องเมืองไทย
งานทอดผ้าป่าสามัคคีที่วัดโบราณสถิตย์ มี พระธรรมวัชรจริยาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 อดีตพระเทพศีลวิสุทธิ์ หรือ “พ่อท่านอ่อน” เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา อ.สุไหงปาดี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์
สำหรับ “พ่อท่านอ่อน” เป็นที่เคารพศรัทธาไม่เฉพาะพี่น้องไทยพุทธในพื้นที่ แต่ยังรวมถึงพี่น้องมุสลิม และศาสนาอื่นๆ ด้วย งานทอดผ้าป่าครั้งนี้จึงมีประชาชนมาร่วมจำนวนมาก ทั้งพุทธและมุสลิม
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ถือเป็นการสะท้อนความสามัคคีของคนในพื้นที่ โดยเฉพาะพลังสตรีที่มาร่วมจัดกิจกรรม แสดงออกด้วยการร่ายรำในพิธี จำนวนหลายร้อยคน
จากนั้น พ.ต.อ.ทวี เดินทางไปที่อาคารเอนกประสงค์ โรงเรียนบูกิตประชาอุปถัมภ์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เพื่อรับฟังแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดจากเสียงของประชาชนในพื้นที่ โดยมีกลุ่มประชาชน ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น และกลุ่มสตรีเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 500 คน
พ.ต.อ.ทวี กล่าวกับพี่น้องประชาชนตอนหนึ่งว่า กระทรวงยุติธรรมมีดำริจัดตั้ง “คณะทำงานแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนใต้ภาคประชาชน” เพื่อช่วยขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ระบาดอย่างรุนแรงในพื้นที่ เช่น ช่วยจัดตั้งสถานบำบัดเอกชนหรือของรัฐเพิ่มขึ้น จะได้ส่งคนกลับคืนสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ ผู้เสพยาได้ฝึกอาชีพ ได้ทำมาหากิน และจะได้รับการตอบรับจากสังคม กลับไปสู่ความอบอุ่นของพ่อแม่ และเป็นคนดีของสังคมต่อไป
จากนั้น พ.ต.อ.ทวี ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า คุณภาพชีวิตของประชาชนยังมีปัญหา รัฐบาลจึงจำเป็นต้องแก้ไข และประชาชนก็รอโครงการ “ดิจิทัล วอลเล็ต” ของรัฐบาล ซึ่งจะสามารถสร้างความเจริญให้กับชุมชน ท้องถิ่นได้ เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ยกตัวอย่างใน ต.บูกิต หากคนได้รับเงิน 10,000 บาท รวมตัวกัน 10 คน ก็จะมีเงิน 100,000 บาท สามารถลงทุนทำธุรกิจในพื้นที่ เพื่อต่อยอดสร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีได้
นอกจากนั้น ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ตนให้ความสำคัญกับการพัฒนาการศึกษา โดยเริ่มจากหน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมราชทัณฑ์ เนื่องจากผู้ต้องขัง 30% ไม่มีการศึกษา รวมๆ แล้วร้อยละ 70 มีการศึกษาต่ำกว่าระดับพื้นฐาน หรือภาคบังคับ ทำให้เกิดปัญหาการกระทำผิดซ้ำ จึงต้องแก้ไขด้วยการให้การศึกษา เพื่อสร้างโอกาสด้านอาชีพและรายได้หลังพ้นโทษ จะได้ตัดวงจรการกระทำผิดซ้ำ หลุดพ้นจากวงจรอาชญากรรมแบบเดิม
@@ ลุย 4 นโยบาย “การศึกษา-ปราบยา-มาเฟีย-ล้างหนี้”
พ.ต.อ.ทวี บอกด้วยว่า กระทรวงยุติธรรมและพรรคประชาชาติจะเน้นหนักงาน 4 เรื่อง เพื่อแก้ปัญหาให้ักับพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืน นั่นก็คือ
1.ปราบยาเสพติดให้สิ้นซาก
2.แก้ไขปัญหาผู้มีอิทธิพล ซึ่งบางส่วนก็เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
3.แก้ปัญหาความยากจน เหลื่อมล้ำ หนี้สิน โดยเฉพาะหนี้ กยศ.ซึ่งพรรคคือผู้นำในการแก้ไขกฎหมาย กยศ.ใหม่ จนทำให้ประชาชนปลดหนี้ได้จำนวนมาก
และ 4.พัฒนาการศึกษา โดยเริ่มจากผู้ต้องขังในเรือนจำ
@@ อธิบดีคุกรับลูก ลุยการเรียนการสอนไม่มีปิดเทอม
ด้าน นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงนโยบายพัฒนาการศึกษาผู้ต้องขังในเรือนจำ ว่า เป็นนโยบายที่รัฐมนตรีทวีมอบหมาย ซึ่งตนได้เร่งดำเนินการ โดยการจัดการศึกษาในเรือนจำมีอยู่แล้ว เปิดโอกาสให้ทุกคน เพียงแต่ต้องจัดระบบใหม่ เพราะรัฐมนตรีต้องการให้ทุกคนได้เรียน
จุดเด่นของเรือนจำ คือ ไม่มีวันหยุด สามารถเรียนได้ทุกวัน ไม่มีปิดเทอม หรือแม้แต่เสาร์อาทิตย์ ขณะนี้กำลังจัดระบบการเรียน การสอน และการสอบวัดผล เพื่อส่งเสริมให้ผู้ต้องขังได้ศึกษาอย่างทั่วถึงโดยเร็ว
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา