โดนัลด์ ทรัมป์ ทางเลือกใหม่ชาวอเมริกันผิวสี
น่าแปลกใจว่า ในการเลือกตั้งครั้งที่ 60 ของสหรัฐอเมริกาที่จะมีขึ้น ในวันที่ 5 พ.ย. 2024 นี้ ศึกชิงตำแหน่ง “พญาอินทรียักษ์” ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ในฐานะคู่ท้าชิง “คนผิวสี” กลับกลายเป็นฐานเสียงสำคัญของทรัมป์ไปเสียแล้ว
ทั้ง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา (2017-2020) นับตั้งแต่ทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีได้มีการกระทำในลักษณะดูถูกและเหยียดสีผิวคนดำหนักมาก ขนาด นิกกิ ฮาเลย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ พรรครีพับลิกัน ยังเอือมระอา โดยระบุว่า พฤติกรรมของทรัมป์ “น่าขยะแขยง” ที่สุด
สำหรับพฤติกรรมดังกล่าว เช่น การห้ามผู้อพยพลี้ภัยสงครามจากซีเรียเข้าประเทศ เพราะกลัวการก่อความไม่สงบ การกีดกันชาวผิวสีในการดำรงตำแหน่งทางตุลาการ การออกมาตั้งคำถามกับการได้สัญชาติอเมริกันของ บารัก โอบามา ประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ ว่า เป็นการปลอมแปลงหลักฐาน รวมทั้งการกล่าวคำผรุสวาท ว่า ประเทศในทวีปแอฟริกานั้น เน่าเหม็น หรือ “Shitholes” เป็นที่สุด
แม้จะมีการกระทำเช่นนั้น แต่การลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 กลับพบว่า สัดส่วนของ “ชาวผิวสี” ที่ให้การสนับสนุนทรัมป์ เพิ่มขึ้น ถึงร้อยละ 17 หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2016 มากกว่าเท่าตัว จากเดิมร้อยละ 8 โดยสัญญาณการได้รับความนิยม เริ่มจากการเลือกตั้งในปี 2020 แม้ทรัมป์จะพ่ายแพ้ต่อ โจ ไบเดน แต่ก็ได้รับความนิยมจากชาวผิวสีมากถึงร้อยละ 12
ตามปกติแล้ว ชาวผิวสีส่วนใหญ่จะสนับสนุนพรรคเดโมแครต แต่การเข้ามาของทรัมป์ ทำให้ความนิยมหันเหไปทางพรรครีพับลิกันเพิ่มขึ้น หลังพบว่าปี 2024 ชาวผิวสีให้การสนับสนุน โจ ไบเดน เพียงร้อยละ 63 เท่านั้น น้อยที่สุดตั้งแต่ปี 1999 เป็นต้นมา ต่างจากชาวละตินและชาวเอเชียที่ยังคงเชื่อมั่นในเดโมแครต
มีคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับ “พฤติกรรมการโหวต” ของชาวผิวสีในการชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดีปี 2024