บทความ

กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติแสวงประโยชน์จากวัคซีน COVID-19

ที่มาภาพ: COVID-19 vaccine theft warned by Interpol Photograph:(WION Web Team) https://www.wionews.com/world/crime-will-increase-dramatically-with-covid-19-vaccine-rollout-interpol-351361
As governments are preparing to roll out vaccines, criminal organizations are planning to infiltrate or disrupt supply chains.
Jürgen Stock, INTERPOL Secretary General[1]

การแข่งขันเพื่อผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา (COVID-19) ได้สร้างโอกาสทางการเงินให้กับตัวแสดงข้ามชาติ (transnational actors) รวมทั้งองค์การอาชญากรรมหลายกลุ่ม ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยาเป็นเป้าหมายการก่ออาชญากรรมข้ามชาติมานาน เนื่องจากความเปราะบางและซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทานวัคซีน COVID-19 ซึ่งพวกสามานย์ (nefarious actors) พยายามแสวงประโยชน์ ขณะที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายได้แจ้งเตือนถึงความเป็นไปได้ที่องค์กรอาชญากรรมกำลังมุ่งหากำไรด้วยการทำลายบางอย่างจากความล่อแหลมทางการแพทย์[2]

      แม้รัฐบาลของหลายประเทศให้การรับรองและแจกจ่ายวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา แต่ยังคงมีความท้าทายอย่างมาก หลายประเทศมีส่วนในความพยายามขโมยทรัพย์สินทางปัญญาเกี่ยวกับการวิจัยวัคซีน COVID-19 เมื่อต้นธันวาคม 2020 Chris Krebs อดีตผู้อำนวยการสำนักงานความปลอดภัยทางไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐาน (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) ของสหรัฐฯเปิดเผยว่ารัสเซีย จีน เกาหลีเหนือและอิหร่านมีส่วนในการจารกรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อขโมยทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน COVID-19

การจารกรรมทางอุตสาหกรรม (industrial espionage) ขโมยความลับทางการค้าและทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือฝ่ายตรงข้ามยังคงเป็นจุดมุ่งหมายหลักของหน่วยข่าวกรอง เช่นเดียวกับรัฐและตัวแสดงข้ามชาติโดยเฉพาะองค์กรอาชญากรรมมีประวัติเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย ในการสร้างความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ อุตสาหกรรมยาเป็นเป้าหมายระดับบน (top-tier) ของการก่ออาชญากรรมและสายลับเอกชน (private sector spies)

บริษัทและสถาบันมากกว่า 80 แห่ง ในสหรัฐฯ อังกฤษ จีน รัสเซียและประเทศอื่น ๆ กำลังพัฒนาวัคซีน โดยสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับการแสวงประโยชน์ขององค์การอาชญากรรมระดับโลก การทำงานแบบเสริมพลัง (synergies) ทางยุทธวิธีและกลยุทธ์ระหว่างตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐต่าง ๆ ตลอดจนความกังวลเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระหว่างอาชญากรรมและการก่อการร้าย (crime-terror nexus) สร้างความรู้สึกเร่งด่วนในการทำงานของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ข่าวกรองและองค์การรักษาความปลอดภัย

ในกรณีที่วัคซีนได้รับการพัฒนาจนสำเร็จและนำไปใช้แล้ว มีแนวโน้มที่อุตสาหกรรมยาและห่วงโซ่อุปทานจะมีความเปราะบางเป็นพิเศษ การนำวัคซีนปลอมเข้าสู่ระบบจัดจำหน่ายในช่วงวิกฤตสาธารณสุขเป็นเรื่องน่ากังวลเช่นกัน ในปี 2018 สำนักข่าว BBC (British Broadcasting Corporation) รายงานว่า ยาตามใบสั่งแพทย์หลายสิบล้านรายการตกอยู่ในมือแก๊งค์อาชญากรรรมในอังกฤษ ซึ่งได้มาด้วยการติดสินบนหรือหลอกลวงเภสัชกรและผู้ค้าส่งยา

กลุ่มอาชญากรรมตามแนวชายแดนรัสเซีย – จีนขายยาปลอมและยาตามใบสั่งแพทย์ที่ขโมยมา สอดคล้องกับการประเมินภัยคุกคามยาเสพติดแห่งชาติประจำปี 2019 ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (Drug Enforcement Administration) ระบุว่าสหรัฐฯจมปลักอยู่กับยาปลอม ซึ่งแจกจ่ายอย่างผิดกฎหมายโดยกลุ่มอาชญากรรม รวมถึง fentanyl ปลอมจากจีนซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตโอปิออยด์สังเคราะห์ (synthetic opioids)

ก่อนการแพร่ระบาดของ COVID-19 เราได้เห็นขนาดของความความท้าทายในการต่อต้านอาชญากรรมทางเภสัชกรรม วัคซีนปลอม ยาตามใบสั่งแพทย์ที่ถูกขโมยและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ปลอมจากปฏิบัติการ Operation Pangea ขององค์การตำรวจสากล (Interpol) ซึ่งนำไปสู่การกำจัดยามากกว่า 105 ล้านเม็ดรวมทั้งหลอด ซองและขวดที่หมุนเวียนมานานกว่าทศวรรษ ผลการวิเคราะห์ของ Interpol ระบุว่า มีความเป็นไปได้ว่าอย่างน้อยร้อยละ 11 ของผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ขายทางออนไลน์เป็นของปลอม

วัคซีนป้องกัน COVID-19 เป็นเป้าหมายสำคัญขององค์กรอาชญากรรม โดยมีจุดเริ่มต้นหลายแห่งที่ผู้กระทำผิดกฎหมายจะแทรกตัวเข้าไปในวงจรการกระจายและห่วงโซ่คุณค่า กลุ่มอาชญากรติดสินบนหรือขู่กรรโชกนักวิทยาศาสตร์ พนักงานคลังสินค้าและผู้เกี่ยวข้องกับการผลิตวัคซีน เพื่อเข้าถึงสูตรหรือผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย เครือข่ายการขนส่ง (logistics) ที่ซับซ้อนและมีช่องโหว่ในการผลักดันวัคซีนให้กับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ซึ่งจะเผยแพร่วัคซีนต่อไป

สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้ขั้นสุดท้าย อาทิ สำนักงานทางการแพทย์และคลินิกที่จัดเก็บก่อนการฉีดวัคซีนยังเป็นจุดอ่อน ซึ่งมีขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยแตกต่างกันอย่างมาก ขณะเดียวกันนักเคมีที่ทำงานให้กับองค์กรอาชญากรรมก็มีแนวโน้มที่จะสร้างวัคซีน COVID-19 ปลอม เป็นที่รู้กันว่าความต้องการวัคซีนอาจสูงกว่าอุปทานมากอย่างน้อยจนถึงฤดูร้อนปี 2021

ความสิ้นหวังในการเข้าถึงวัคซีนกำลังจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศยากจน ส่วนประเทศร่ำรวยเริ่มกักตุนการส่งมอบในอนาคต กลุ่มอาชญากรจะพยายามเติมเต็มอุปสงค์นี้ เนื่องจากมุ่งหวังจะได้ผลกำไรทางการเงินอย่างมหาศาล ขณะนี้ความความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มอาชญากรและกลุ่มก่อการร้าย และเปิดโอกาสให้กลุ่มก่อการร้ายแสวงประโยชน์จากจุดอ่อนเหล่านี้เพื่อการปฏิบัติการหรือโฆษณาชวนเชื่อ

หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในสหรัฐฯและต่างประเทศยอมรับว่า กลุ่มอาชญากรรมจะแสวงประโยชน์จากวัคซีน COVID-19 เมื่อ 9 ธันวาคม 2020 สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) เตือนว่านักต้มตุ๋นจะพยายามหากำไรจากความต้องการวัคซีน COVID-19 ที่สูงมาก ก่อนหน้านั้นเมื่อ 4 ธันวาคม 2020 สำนกงาน EUROPOL เตือนว่ากลุ่มอาชญากรอาจพยายามเผยแพร่วัคซีน COVID-19 ปลอมเข้าสู่ระบบ ซึ่งคล้ายกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปลอมที่เผยแพร่ในเม็กซิโกในตุลาคม 2020 (เม็กซิโกและชิลีเริ่มการฉีดวัคซีนของ Pfizer และ BioNTech แล้ว โดยเม็กซิโกเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเสียชีวิตจาก COVID-19 มากที่สุดในโลก)[3]

สุดท้ายตำรวจสากลออกคำเตือนว่ากลุ่มอาชญากรรม หวังหากำไรจากกิจกรรมผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 ในอังกฤษซึ่งมีการแจกจ่ายวัคซีน COVID-19 แล้ว รัฐบาลใช้มาตรการเข้มงวดในการติดแท็กติดตามการเคลื่อนย้ายวัคซีนจากเบลเยียมไปยังอังกฤษ ค่าใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัยวัคซีนเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยที่มีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่สามารถจ่ายและดำเนินการได้ นอกจากนี้ ยังมีคำถามว่าประเทศที่ใช้วัคซีนอื่น ๆ (เช่น จีนรัสเซีย) จะสามารถป้องกันไม่ให้วัคซีนเหล่านั้นตกไปอยู่ในมือคนผิดได้หรือไม่

หากมาตรการรักษาความปลอดภัยวัคซีนยังไม่มีประสิทธิภาพในทางปฏิบัติ ผู้คนจะมีความเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวงและมีความไม่เท่าเทียมอย่างมากในการเข้าถึงวัคซีนที่เชื่อถือได้และปลอดภัยจากหน่วยงานสาธารณสุขที่ได้มาตรฐาน