พรรคไหนแลนด์สไลด์และใครจะเป็นนายกฯ ตอนที่ 1 – ปัจจัยพื้นฐานผสานเทคนิค
ที่มาภาพ: https://nidapoll.nida.ac.th/data/survey/uploads/FILE-1656069266073.jpg
“….ถ้ายอมรับว่ากรุงเทพฯคือเมืองหลวงที่ถูกยึดครองโดย “สลิ่ม” ในรูปลูกจีนรักชาติ, พันธมิตร, กปปส., ที่ประชุมอธิการบดี, เสาหลักของแผ่นดิน, คนรักลุงตู่ ฯลฯ อย่างน้อยก็นับตั้งแต่วันที่ทหารยึดอำนาจปี 2549 ชัยชนะของชัชชาติและผลการเลือกตั้งสภา กทม.ก็เท่ากับ “สลิ่มเสียกรุง” แล้วโดยปริยาย… ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์[1]“
แม้สังคมไทยยังมีข้อถกเถียงกันว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งล่าสุดซึ่งถือเป็นการ “เสียกรุง” ของ “สลิ่ม” มีนัยยะหรือส่งผลกระทบการเมืองระดับชาติหรือไม่ก็ตาม แต่วิสัยทัศน์ ภาวะผู้นำและกลยุทธ์การทำงานของผู้ว่าฯ ชัชชาติก็ถูกนำไปเปรียบเทียบกับผู้นำที่อ้างว่ามาตามกติกาของรัฐธรรมนูญ (ซึ่งผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญให้เหตุผลไว้ในบทเฉพาะกาลว่า ต้องมี สว. 250 คน มาทำหน้าที่ 5 ปีในช่วงการปฏิรูปประเทศ) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การต่อสู้ระหว่างความต้องการเปลี่ยนแปลงไปสู่ “ประชาธิปไตย” สากลกับการพยายามรักษาสถานะเดิมของฝ่าย “อนุรักษ์นิยม” นับตั้งแต่การอภิวัฒน์สยาม 24 มิถุนายน 1932 ยังไม่มีฝ่ายใดได้ชนะอย่างเด็ดขาด การเดินหน้าและยื้อยุดฉุดดึงที่ผ่านมาก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งเลือดเนื้อและชีวิต ปัจจุบันฝ่าย “อนุรักษ์นิยม” สามารถยึดกุมอำนาจปกครองผ่านผู้นำทหารที่สืบทอดจาก คสช.ภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตยแบบพันทาง (hybrid)
บทความนี้จะวิเคราะห์แนวโน้ม “ประชาธิปไตย” หลังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ครบวาระใน 24 กันยายน2022 (เชื่อว่าการเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลของฝ่ายค้าน 19 – 22 กรกฎาคม 2022 คงไม่สามารถทำอะไรรัฐบาลซึ่งมีเสียงสนับสนุนมากกว่าฝ่ายค้าน) ทั้งนี้ จะใช้เครื่องมือวิเคราะห์หลักทรัพย์ (หุ้น) ที่เรียกว่าอัตราส่วนฟิโบนัชชี (Fibonacci Ratio) หรือ สัดส่วนทองคำ (Golden Ratio)[2] ผสานการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental)
ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์รวบรวมจากแหล่งเปิด (open source) เฉพาะอย่างยิ่ง รายชื่อนายกรัฐมนตรีของไทยจากวิกิพีเดีย (ปัจจุบันประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีแล้วทั้งสิ้น 29 คน)[3] นับเฉพาะนายกรัฐมนตรีที่เริ่มวาระดำรงตำแหน่งโดยมติสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีที่มาจากการเลือกตั้งทั่วไป (ชุดที่ 8 – 25) และพรรคการเมืองที่มี สส.ได้รับเลือกตั้งเป็นจำนวนมากที่สุด
ในที่นี้อุปมา “พรรคการเมือง” เป็น “บริษัทจดทะเบียน” ในตลาดหลักทรัพย์ “จำนวน สส.สูงสุด” คือ “ราคา” ที่ผู้มีสิทธิออกเสียงจ่ายเพื่อซื้อ “นโยบายของพรรคที่ใช้หาเสียง” (พรรคเลือกคน ประชาชนเลือก สส.) โดยมีสมมติฐานว่า 1) “ราคา” เป็นผลรวมข่าวสารทั้งเศรษฐกิจ การเมือง ผลการดำเนินนงาน 2) การเคลื่อนไหวของราคาเป็นแนวโน้มในช่วงระยะเวลาหนึ่งจนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มใหม่และ 3) พฤติกรรมของนักลงทุนจะยังคงมีลักษณะคล้ายคลึงกับพฤติการณ์ลงทุนในอดีต[4] เช่นเดียวกับการใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง
ผู้เขียนได้นำข้อมูลผลการเลือกตั้งทั่วไปตั้งแต่ปี 1957 – 2022 และรายชื่อพรรคที่ได้ สส.สูงสุด บันทึกในตารางโปรแกรม MS Excel โดยสรุปข้อมูลตัวเลขให้เข้าใจง่ายและมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยการสร้างกราฟเส้น (line chart) เพื่อดูแนวโน้มการเคลื่อนไหวขึ้นลงของจำนวน สส.ของพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งสุงสุดในช่วงระยะเวลาหนึ่งจากนั้นลากเส้นอัตราส่วน Fibonacci Retracement ทาบทับบนเส้นกราฟ เพื่อวิเคราะห์การถดถอย (ย่อตัว) ของราคา หรือ “ประชาธิปไตย” ตามภาพประกอบ
ในภาพพื้นที่ด้านซ้าย คือ อดีต ด้านขวา คือ ปัจจุบัน ส่วนที่ยังไม่เห็น คือ แนวโน้มในอนาคต เส้นกราฟ “ราคา” หรือ จำนวน สส.ของพรรคที่ได้รับเลือกตั้งสูงสุดและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเคลื่อนที่ในลักษณะไชด์เวย์อยู่ในกรอบล่างนับตั้งแต่ปี 1957 – 1996 (สภาฯชุดที่ 8 – 20) จากจุด A ไป B เป็นช่วงที่ประชาธิปไตยขึ้นสู่จุดสูงสุด (พรรคไทยรักไทย) แต่ถูกดิสรัปด้วยการรัฐประหารปี 2006 และศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ การถดถอย (retracement) เป็นไปตามอัตราส่วนฟิโบนัชชี โดยลงมาพักตัวแรงเขต 2 ใน 3 ที่จุด C1 บริเวณเส้น 61.8%
พรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นอวตารของพรรคไทยรักไทย เคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์มาระยะหนึ่งแล้วโดนยุบ หลังจากนั้นได้อวตารมาเป็นพรรคเพื่อไทยโดยทะยานขึ้นทะลุเส้น 50% เข้าสู่เขต 1 ใน 3 การรัฐประหารในปี 2014 ไม่ได้มีการยุบพรรคการเมือง สำหรับสภาฯ ชุดที่ 25 แม้พรรคเพื่อไทยได้ สส.สูงสุดแต่ไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเนื่องจากมี สว. 250 คน ร่วมออกเสียงลงมติ อีกทั้งยังมีเรื่องแปลก ๆ เช่น บัตรเลือกตั้งหาย คะแนนเขย่ง ฯลฯ การขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเป็นการบิดเบือนผลการเลือกตั้งอย่างโจ่งแจ้ง[5]
ปัจจุบันประชาธิปไตยถดถอยลงมาลึกถึงจุด C2 เส้น 78.6% อาจลงต่อเพราะเจอ “งูเห่า” ในบ้าน โอกาสเด้งขึ้นเป็นไปได้ยากมาก ถ้าเป็นหุ้นก็ต้องคัตทิ้ง ตลอดระยะเวลา 8 ปีของการถูกกดทับในกรอบไซด์เวย์ พลังของความต้องการเปลี่ยนแปลงไม่เคยเหือดหาย ปรากฎการณ์ “ชัชชาติฟีเวอร์” ส่งผลกระทบการเมืองระดับชาติอย่างแหลมคมจนผู้นำสืบทอดอำนาจนั่งไม่ติด ขณะที่เจ้าของพรรคเพื่อไทยก็กำลังหาทางกลับบ้านไปหาครอบครัว
พิจารณาด้วยปัจจัยพื้นฐานประชาธิปไตยไทยขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่น่าลงทุนมากที่สุด ในทัศนะของผู้เขียนหุ้นเพื่อไทยกำลังจะเทิร์นอราวด์ด้วยเหตุผล 1) เป็นบริษัทที่ปรับตัวรับกระแสดิสรัปชั่นได้ดีทั้งการอวตารปรับโครงสร้างและคิดนโยบายใหม่ ๆ 2) เจ้าของมีวิสัยทัศน์ “กระสุน” และ “สื่อ” 3) ไม่ก้าวร้าวกับเจ้าของอำนาจแต่สู้ไปกราบไป 4) มีเครือข่ายสนับสนุนในต่างประเทศและ 5) พร้อมร่วมมือกับบริษัทที่มีนโยบายคล้ายกัน (เคยมีบทเรียนการตั้งรัฐบาลพรรคเดียวแล้วมีคนอิจฉา)
ดูตามทรงกราฟยังไม่เห็นสัญญาณเบรกเอาท์ของพรรคเพื่อไทย ถ้าใช้อัตราส่วนฟิโบนัชชีวัดแนวต้าน ณ จุด C2 การทำนิวไฮแบบแลนด์สไลด์จะต้องใช้พลังอย่างมหาศาล แม้ผลสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองครั้งที่ 2/2565 ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิดาโพล) ในส่วนพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ ปรากฏว่า พรรคเพื่อไทยได้คะแนนอันดับ 1 ร้อยละ 36.36 แต่โพลก็คือโพล หรือประวัติศาสตร์กำลังเดินซ้ำรอย?
ที่มา: https://www.ianalysed.com/2022/07/1.html
[1] ชัชชาติจุดประกายความหวังสู่อนาคต มติชนสุดสัปดาห์ 27 พ.ค. – 2 มิ.ย. 2565 ปีที่ 42 ฉบับที่ 2180 น.18
[2] KS Tactical EP.9: หากรอบแนวรับ-แนวต้านด้วยทฤษฎี “FIBONACCI” กลุ่มพาณิชย์หลังเปิดประเทศ หุ้นไหนฟื้น? ดำเนินรายการโดย เปรมสุข ชลทานวาณิชย์ เข้าถึงได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=mekbeC1DRHk&t=1241s
[3] รายชื่อนายกรัฐมนตรีไทย วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี เข้าถึงได้ที่: https://th.wikipedia.org/wiki/รายชื่อนายกรัฐมนตรีไทย
[4] จับจังหวะหุ้นด้วยปัจจัยทางเทคนิค หนังสือชุด “ครบเครื่องเรื่องลงทุน” ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค พิมพ์ครั้งที่ 1 (พฤศจิกายน 2557) หน้า 42 – 45
[5] 09.00 INDEX สภาวะ การบิดเบือน อำนาจ ภายใต้ สถานการณ์ “ฉุกเฉิน” มติชนออนไลน์ 20 มิถุนายน 2565 เข้าถึงได้ที่ : https://www.matichon.co.th/politics/news_3409315