ข่าวสถานการณ์ชายแดนใต้

ตร.ออกหมายเรียกนักกิจกรรมกับ 4 เยาวชนบ้านดาฮง นราธิวาส

ไฟซู มามะ จากเพจ Patani NOTES

20 มี.ค. 66 ) Patani NOTES รายงานว่า ไฟซู มามะ นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมบ้านดาฮง นราธิวาสเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกตนเและเยาวชนบ้านดาฮงอีก 4 คน เพื่อไปเป็น “พยาน” โดยไม่แจ้งรายละเอียดอื่นใด โดยให้ไปรายงานตัวที่สถานีตำรวจภูธรศรีสาคร นราธิวาสวันที่ 24 มี.ค. 66

ไฟซูเข้าใจว่า การออกหมายนี้เป็นผลมาจากการถ่ายทอดสดเหตุการณ์ที่กลุ่มชาวบ้านจากบ้านดาฮงพากันขึ้นสู่ภูเขาพื้นที่ที่มีการปะทะและวิสามัญผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกกลุ่ม BRN เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 66 เพื่อขอรับศพผู้เสียชีวิต

ไฟซู ยังเปิดเผยว่า ตนเองยังไม่เห็นหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ แต่วันนี้ได้มีเจ้าหน้าที่เดินทางไปหาตนที่บ้าน ขณะที่ตนไปทำงานอยู่ในตัวเมืองนราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้พบกับครอบครัวและครอบครัวได้รับการบอกเล่าว่า เจ้าหน้าที่สงสัยว่าไฟซูมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีเหตุการณ์ในวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา

ไฟซูระบุว่า ตนยังได้เห็นหมายเรียกที่ไปถึงมือเยาวชนคนที่ถูกเรียกในกรณีเดียวกัน ในทุกหมายปรากฎชื่อว่า “ไฟซู มามะและพวก” จึงตระหนักว่า ตนเองถูกหมายเรียกร่วมกับกลุ่มบุคคลอีก 4 คนดังกล่าวด้วย และถึงแม้ในหมายเรียกไม่ได้ระบุข้อกล่าวหา แต่ข้อความที่เจ้าหน้าที่แจ้งกับครอบครัวทำให้เป็นที่ชัดเจนสำหรับตนเองว่า เจ้าหน้าที่สงสัยว่าตนและคนอื่นๆมีส่วนในการทำไลฟ์รายงานเหตุการณ์ในวันนั้น และเจ้าหน้าที่น่าจะเห็นว่าการเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้รู้สึกสับสนอย่างมากเพราะขัดกับเจตนาของตนเอง

อนึ่ง การออกหมายเรียกผู้ที่ถ่ายทอดสดเฟซบุ๊กไลฟ์ในพื้นที่ชายแดนใต้นั้น เพิ่งมีกรณีสัปดาห์ที่ผ่านมาสถานีตำรวจภูธรธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา ส่งหมายเรียก ผู้สื่อข่าวภาคสนามและบรรณาธิการข่าวภาคสนาม สำนักสื่อวาร์ตานี (Wartani) ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติอันไม่ชอบด้วยหน้าที่หรือให้ละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่และขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่” จากการรายงานสถานการณ์สดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เหตุการณ์วิสามัญสมาชิก BRN เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 66 ต่อมา 15 มี.ค. 66 นักข่าวทั้งสองเดินทางมารับทราบตามหมายเรียกที่สถานีตำรวจภูธรธารโต พร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และตามหมายเรียกในครั้งนี้มีประชาชนรวมกับนักข่าวที่โดนหมายเรียกในข้อหาเดียวกัน จำนวน 8 คน อย่างไรก็ตาม สำนักสื่อ Wartani ยืนยันที่จะสู้ต่อไปเพื่อเป็นกระบอกเสียงของประชาชนเเละจะเคียงข้างประชาชนต่อไป 

ด้าน เพจศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า – เพจใหม่ ออกมาโพสต์โต้แย้งสำนักสื่อ Wartani เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 66 ว่า การไลฟ์สดผ่านเพจนี้ มีลักษณะปลุกระดมมวลชนจากภายนอกพื้นที่ให้เข้ามา และขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกระทั่งกับมวลชนที่ถูกปลุกระดมเข้ามา และพบว่าได้มีการเคลื่อนไหวในลักษณะเผยแพร่ข้อมูลที่อาจจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคง โดยเฉพาะการที่มีกลุ่มประชาชนออกมาตะโกนเรียกร้องเอกราชในระหว่างการแห่ศพของผู้เสียชีวิตด้วย


ที่มา : ประชาไท