รวบอดีตโปรแกรมเมอร์ เขียนโปรแกรมโจมตีข้อมูลรหัสชิงโชคใต้ฝาเครื่องดื่มได้กว่า 6,000 รหัส
ช่วงเช้า วันที่ 23 มี.ค. 66 ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. นำกำลังเข้าจับกุมแก๊งแฮกเกอร์ ที่เขียนโปรแกรมโจมตีเพื่อขโมยข้อมูลรหัสชิงโชคใต้ฝาเครื่องดื่มของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เพื่อนำมากรอกรับเงินรางวัล
เจ้าหน้าที่นำกำลังพร้อมหมายค้น เข้าตรวจค้นจุดแรกที่ห้องพักแห่งหนึ่ง กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญ เพื่อเข้าจับกุม นายสมประสงค์ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ฐานร่วมกันทุจริต หลอกลวง เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และเข้าถึงข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกรบกวน และนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ก่อนหน้านี้ ตำรวจ ปอท. ได้รับแจ้งจากบริษัทเอกชนผู้เสียหายว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2565 ทางบริษัทได้จัดโปรโมชั่นส่งเสริมยอดขายผลิตภัณฑ์เ ด้วยการให้กรอกรหัสใต้ฝาขวด 9 หลักผ่านระบบ แล้วจะได้รับเงินรางวัลครั้งละ 10 บาท แต่ปรากฎว่าบริษัทได้ถูกคนร้ายทำการโจมตีระบบเพื่อนำข้อมูลเลขรหัสใต้ฝาไปกรอกรับเงินรางวัล โดยที่ไม่ได้ซื้อเครื่องดื่ม ตำรวจ ปอท. จึงได้ทำการสืบสวนจนพบว่า นายสมประสงค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับ เป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว โดยใช้วิธีการเขียนชุดคำสั่งเพื่อโจมตีเข้าถึงข้อมูลของบริษัท และได้รหัสใต้ฝาไปกว่า 6,000 รหัส มีเงินเข้าบัญชีกว่า 6 หมื่นบาท
จากการเข้าตรวจค้น เจ้าตัวให้การรับสารภาพ ว่าเป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยตนเองเคยเป็นโปรแกรมเมอร์ แต่ตอนนี้ว่างงาน แล้วเห็นว่าระบบดังกล่าวสามารถเข้าถึงได้ก็เลยก่อเหตุ ส่วนเงินที่ได้มา ก็เอาไปใช้จ่ายส่วนตัวหมดแล้ว ภายในห้องยังพบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กจำนวนหลายเครื่อง ซึ่งมีระบบเขียนโปรแกรมถูกรันทิ้งไว้ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง ฝาเครื่องดื่มของบริษัทผู้เสียหาย และปืนบีบีกัน 1 กระบอก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดสิ่งของที่พบไปตรวจสอบเพื่อขยายผลต่อไป ส่วนตัวนายสมประสงค์ ได้ควบคุมตัวไปสอบปากคำต่อที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ขณะเดียวกัน วันนี้เจ้าหน้าที่ยังได้เข้าตรวจค้นตามหมายค้นอีก 1 จุด เป็นห้องพักภายในแฟลตการเคหะคลองจั่น เพื่อเข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 1 คน คือ นายวัชนันท์ อายุ 28 ปี จากการสืบสวนพบว่า มีเงินรางวัลจากการกรอกรหัสใต้ฝาที่นายสมประสงค์แฮกข้อมูลมา เข้าไปยังบัญชีของนายวัชนันท์ด้วยจำนวนหนึ่ง โดยจากการเข้าตรวจค้นก็พบตัวนายวัชนันท์ ซึ่งเจ้าตัวให้การว่า ได้นำเบอร์โทรศัพท์ไปให้นายสมประสงค์ทดลองรันโปรแกรมจริง โดยมีค่าตอบแทนคือเงินรางวัลที่เข้าบัญชีตนเอง แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรมโจมตีขโมยข้อมูลรหัสชิงโชคใต้ฝา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายวัชนันท์ ไปที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป
โดยตำรวจ ปอท. ได้ฝากเตือนไปยังผู้ประกอบการด้วยว่าให้หมั่นตรวจสอบระบบความปลอดภัยขององค์กรอย่างสม่ำเสมอ และจัดทำระบบสำรองข้อมูลเพื่อลดความเสียหายหากเจอภัยคุกคาม ส่วนบุคคลทั่วไปที่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ ก็ขอเตือนว่าไม่ควรนำความรู้มาใช้ในทางที่ผิด และการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์เป็นการกระทำผิดหลายกรรม ส่งผลให้มีบทลงโทษสูง เช่นกรณีของผู้ต้องหารายนี้ หากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง อาจต้องรับโทษถึง 6,000 กรรม
ที่มา: 3 Plus NEWS