พันธมิตรยุโรปเมินแนวคิดส่งทัพไปยูเครน
รัฐบาลชาติตะวันตกพยายามถอยห่างจากแนวคิดของนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เรื่องไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) จะส่งทหารลงสมรภูมิยูเครน โดยเมื่อวันที่ 28 ก.พ. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทั้งเลขาธิการนาโต เยอรมนี โปแลนด์ พากันส่งสัญญาณไม่สนับสนุนแนวคิดดังกล่าว ขณะที่นายริชี ซูแน็ก นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ให้ความเห็นเช่นกันว่า นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่อังกฤษกลุ่มเล็กๆที่อยู่ในยูเครน รัฐบาลก็ไม่มีแผนการใดๆที่จะเคลื่อนกำลังพลขนานใหญ่
จุดยืนคัดค้านแนวคิดการส่งทหารช่วยยูเครนรบยังมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การต่อสู้ในยูเครนที่ยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด ภายหลังจากกองทัพรัสเซียประสบความสำเร็จในการยึดครองเมืองป้อมปราการอับดีเยฟกา ในจังหวัดโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่า กองทัพรัสเซียยังคงปฏิบัติการรุกคืบด้วยยานเกราะ รถถัง และทหารราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อบีบกองทัพยูเครนให้ล่าถอยออกจากเมืองและหมู่บ้านรอบๆเมืองอับดีเยฟกา ไปจนถึงการรุกคืบในจังหวัดซาโปริชเชียที่อยู่ติดกับโดเนตสก์
นอกจากนี้ สำนักข่าวการ์เดียนยังรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา พล.ร.อ.เซอร์ โทนี ราดาคิน ผู้บัญชาการเหล่าทัพสหราชอาณาจักร ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับสงครามยูเครน-รัสเซียว่า กองทัพยูเครนจะตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบและขาดแคลนกระสุนไปอีกประมาณ 2-3 เดือน หรือจนกว่ารัฐบาลชาติตะวันตกจะตกลงกันได้ว่าจะให้ความช่วยเหลือกองทัพยูเครนต่อไปเช่นไร เพราะตอนนี้รัฐบาลสหรัฐฯก็ถูกพรรคฝ่ายค้านรีพับลิกันขัดขวางงบประมาณ ขณะที่ยุโรปก็มีกระสุน อาวุธยุทโธปกรณ์ไม่เพียงพอที่จะมาอุดช่องโหว่
วันเดียวกัน สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นสหรัฐฯ รายงานอ้างข้อมูลกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ว่า นับตั้งแต่เดือน ส.ค.2566 รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ส่งมอบตู้คอนเทนเนอร์ให้แก่รัฐบาลรัสเซียเป็นจำนวนกว่า 6,700 ตู้ ซึ่งจากการคำนวณเบื้องต้นมีความเป็นไปได้ว่า รัสเซียได้รับมอบกระสุนปืนใหญ่ขนาด 152 มม. จากเกาหลีเหนือเป็นจำนวนกว่า 3 ล้านนัด หรือกระสุนจรวดขนาด 122มม. เป็นจำนวนกว่า 500,000 ลูก รายงานดังกล่าวยังระบุอีกว่า มีความเป็นไปได้ที่อุตสาหกรรมการผลิตอาวุธของเกาหลี เหนือเพื่อใช้ในประเทศถูกลดกำลังการผลิตลงมาที่ระดับ 30% เพื่อผลิตอาวุธป้อนกองทัพรัสเซียอย่างเต็มกำลัง โดยแลกกับสินค้าอุปโภคบริโภคจากรัสเซีย.