“ชาดา” ประกาศเพดาน “ราคาฮัจย์” ต้องไม่เกิน 2.3 แสน!
หลังเทศกาลฮารีรายอ อีดิ้ลอัฎฮา หรือ รายอฮัจยี ผู้แสวงบุญจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ก็ทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา
เที่ยวบินแรกออกเดินทางจากต้นทางท่าอากาศยานเมืองมาดีนะห์ เวลา 04.00 น. ปลายทางท่าอากาศนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา เวลา 16.30 น. มีผู้แสวงบุญร่วมไฟลต์จำนวน 329 ราย
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปดูแลและอำนวยความสะดวกตลอดทริป ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง โดยปีนี้จะมีเที่ยวบินของผู้แสวงบุญบินกลับจนถึงวันที่ 17 ก.ค. รวม 25 เที่ยวบิน
ผู้แสวงบุญที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2567 มีจำนวน 7,738 คน ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่รองรับเที่ยวบินรับส่ง จำนวน 28 เที่ยวบิน ประกอบด้วยเที่ยวบินขาไป 14 เที่ยวบิน ในเดือน พ.ค. และขากลับ 14 เที่ยวบินในเดือน มิ.ย.และ ก.ค.
ผู้ที่เดินทางไปทำฮัจย์จาก 5 จังหวัด รวมชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย
ปัตตานี 1,566 คน
ยะลา 1,136 คน
สงขลา 990 คน
นราธิวาส 954 คน
กรุงเทพฯ 935 คน
ที่เหลือจากจำนวนทั้งหมด 7,738 คน เป็นคนจากจังหวัดอื่น ในจำนวนนั้นมี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมทางด้วย
นายชาดา กล่าวระหว่างพบปะกับผู้แสวงบุญที่เมืองเมกกะฮ์ว่า จะทำราคาฮัจย์ของปีหน้า ต้องไม่เกิน 230,000 บาท โดยถ้าใครทำราคาเกินกว่านี้ จะไม่ให้เงินกองทุนสนับสนุน และจะมีปัญหาข้อกฎหมายตามมา ต้องฟ้องร้องกัน
“ถ้าผมอยู่ ผมต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ ผมก็สมควรไปจากตำแหน่งนี้ แต่ถ้าผมอยู่ได้ คุณก็ต้องอยู่ไม่ได้ หลังฮัจย์นี้เจอแน่นอน ผมต้องทำให้ราคาฮัจย์อยู่ประมาณนี้ให้ได้ อย่างราคาเครื่องบินต้องลดให้เรา รัฐบาลอุดหนุนให้ 40 ล้าน ให้การบินไทย แต่เงินไม่ถึงประชาชน เจ้าหน้าที่กรมการปกครองทุกคนไม่เคยบอก แต่ไปเห็นในเอกสารงบประมาณจึงรู้ แต่ไม่ได้มีผลกับผู้แสวงบุญ“
“ประเทศไทยมีบริษัทที่ทำเรื่องฮัจย์ทั้งหมด 90 กว่าบริษัท เราต้องมาร่วมดูกัน และถ้ายังปล่อยให้ราคาอยู่อย่างนี้อีก (250,000 – 300,000 บาท) ไม่เกิน 2-3 ปี ผู้แสวงบุญไทยจะเหลือ 2,000 คนแน่นอน (จากในอดีตผู้แสวงบุญแต่ละปี จำนวนไม่น่อยกว่า 13,000 คน)”
@@ แพทย์ ยัน ไม่มีคนไทยเสียชีวิตด้วยฮีทสโตรก
นพ.ซุลกิฟลี ยูโซะ หัวหน้าสำนักงานแพทย์เพื่อกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ซึ่งไปปฏิบัติหน้าที่ ณ เมืองเมกกะฮ์ ซาอุดีอาระเบีย เผย กรณีทมีข่าวผู้แสวงบุญมีปัญหาฮีทสโตรก และบางประเทศมีผู้เสียชีวิต ว่า ในส่วนของคนไทยมีอาการจากอากาศร้อนจัดบ้าง เช่น เป็นลม เพลีย มึนหัว ต้องรับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมกับแนะนำการปฏิบัติตัว อาการก็ดีขึ้น ไม่มีเคสที่ต้องรีเฟอร์หรือเสียชีวิต
พร้อมกันนี้ ทางแพทย์ได้ออกให้ความรู้เรื่องการปฏิบัติตัวในช่วงอากาศร้อน ทั้งตระเวนไปตามเต็นท์ที่พัก และสื่อช่องทางต่างๆ ในหมู่คนไทยที่ไปประกอบพิธีฮัจย์
@@ ระดมเงินบริจาค 4 แสน หนุนกิจกรรมแจกน้ำดื่ม-อาหาร
นายอับดุลบาซิ เจ๊ะมะ คณะทำงานอะมีรุ้ลฮัจย์ หรือหัวหน้าคณะผู้แทนฮัจย์ทางการของไทย เปิดเผยว่า คณะทำงานอะมีรุ้ลฮัจย์ ร่วมกับคณะกิจการฮัจย์ไทย สมาคมผู้ประกอบการฮัจย์ไทย ได้ประชุมเพื่อระดมขอรับบริจาคจากพี่น้องชาวไทยมุสลิมในประเทศ เพิ่มเติมจากบรรดาผู้แสวงบุญชาวไทยมุสลิมที่เดินทางมาประกอบพิธีฮัจย์ เพื่อจัดทำโครงการซิกอยะห์และอัรริฟาดะห์ หรือ “กิจกรรมแจกน้ำดื่มและอาหาร” ในเทศกาลฮัจย์ ให้ผู้แสวงบุญจากทั่วโลก ซึ่งทำเป็นประจำทุกปี
ปีนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้แสวงบุญชาวไทย ผู้ประกอบการฮัจย์ทุกบริษัท นักวิชาการบรรยาย ทั้งจากคณะทำงานอะมีรุ้ลฮัจย์ และจากสำนักงานกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ได้รับเงินบริจาคมาทั้งสิ้น 400,000 บาท และได้ัจัดซื้อน้ำดื่มกับอาหารว่างแจกจ่ายให้ผู้แสวงบุญคนทั้งคนไทยและชาติอื่นอย่างทั่วถึง
“จุฬาราชมนตรีในฐานะอะมีรุ้ลฮัจย์ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เนื่องจากจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ผู้แสวงบุญทุกคนได้รับฮัจย์ที่สมบูรณ์ตามแบบฉบับของท่านนบีมูฮำหมัดนั่นเอง“ อับดุลบาซิ ระบุ
ด้าน พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ศอ.บต. และจังหวัดชายแดนภาคใต้ 5 จังหวัด ให้ความสำคัญในการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ จัดให้มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่อำนวยความสะดวก ช่วยเหลือ และบริการทั้งที่ประเทศไทยและประเทศซาอุดีอาระเบีย ตลอดระยะเวลาของการประกอบพิธีฮัจย์ โดยรัฐมีเป้าหมายให้ประชาชนเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ได้อย่างสะดวก ราบรื่น และสมบูรณ์ที่สุด
@@ ปลุก “ทีมฮัจย์ไทยแลนด์” ดูแลผู้แสวงบุญครบวงจร
อีกด้านหนึ่ง นายมานะ สิมมา ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย กระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายศรัณย์ศักดิ์ ศรีเครือเนตร รองอธิบดีกรมการปกครอง และคณะ เดินทางเข้าร่วมประชุมสรุปผลการปฏิบัติงานของสำนักงานกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ประจำปี 2567 ที่โรงแรมแมริออท เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย
หัวข้อที่นำมาสรุปผลการปฏิบัติ ได้แก่ การดำเนินงานอำนวยความสะดวกแก่ผู้แสวงบุญชาวไทยในการประกอบพิธีฮัจย์ประจำปีนี้ ตลอดจนปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงแผนการดำเนินงานในปีถัดไป เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษาสำนักงานกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า คณะทำงานได้มีการหารือถึงปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น และสามารถมีแนวทางการแก้ไขได้ ซึ่งเรื่องสำคัญที่สุด คือ คุณภาพชีวิตของผู้แสวงบุญคนไทยจะต้องดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ต้องได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ดังนั้นคณะทำงานจะต้องเป็น “ทีมฮัจย์ไทยแลนด์” เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
นายศุภชัย ระบุด้วยว่า การดำเนินงานในบางเรื่องอาจมีองค์ประกอบที่สำคัญมาเกี่ยวข้อง เช่น เรื่องงบประมาณที่อาจไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของกฏหมาย ว่าสามารถกระทำได้หรือไม่ เป็นต้น
“ประเทศไทยสมควรได้รับการยอมรับจากประเทศโลกมุสลิม แม้จะมีประชากรมุสลิมไม่มาก แต่มั่นใจว่าศักยภาพไม่แพ้ชาติอื่น”
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา