พลังตาสับปะรด! ช่วยสอดส่องแก๊งป่วนใต้ กู้ระเบิดถังดับเพลิงได้หวุดหวิด
2 คนร้ายขับมอเตอร์ไซค์เวียนในชุมชนวัดนาเกตุ โคกโพธิ์ อำเภอสามวัฒนธรรมของปัตตานี ก่อนนำระเบิดแสวงเครื่องซุกเก้าอี้ม้าหินหน้าร้านขายของชำตรงสี่แยก โชคยังดีผู้ใหญ่บ้านรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าเก็บกู้ได้สำเร็จก่อนเกิดความสูญเสีย
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีความพยายามสร้างสถานการณ์ความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 06.00 น.วันพุธที่ 3 ก.ค.67 เจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4313 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 (ร้อย.ทพ.4313 ฉก.ทพ.43) ได้รับแจ้งจาก นายจรัส ทองปล้องโต ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ว่าพบเห็นบุคคลต้องสงสัย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์วนเวียนอยู่บริเวณใกล้วัดนาเกตุ โดยทั้งคู่สวมหมวกกันน็อค คนซ้อนท้ายสวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า
ต่อมานายจรัสแจ้งเพิ่มเติมว่า พบวัตถุต้องสงสัยบริเวณใต้เก้าอี้ม้าหิน บริเวณหน้าร้านขายของชำบริเวณสี่แยกนาเกตุ จึงประสานของกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง ก็พบวัตถุต้องสงสัยจริงตามที่รับแจ้ง เป็นกล่องพลาสติกใส่ไว้ในถุงพลาสติกใสสีเขียวอีกที สังเกตุเห็นปลั๊กไฟตัวผู้และตัวเมียเสียบต่อกันกับวัตถุต้องสงสัยลักษณะคล้ายท่อ เจ้าหน้าที่จึงปิดกั้นพื้นที่โดยรอบ และประสานหน่วยอีโอดี หรือชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบ
เมื่อทีมอีโอดีไปถึง ได้นำโดรนตรวจการณ์ขึ้นบินตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยอีกรอบ ทำให้ทราบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่อง จึงตัดสินใจใช้หุ่นยนต์บังคับระยะไกลเข้าไปเคลื่อนย้ายวัตถุต้องสงสัยออกมาวางไว้ตรงจุดที่กำหนด แล้วยิงทำลายวงจรระเบิดได้สำเร็จ
จากการตรวจสอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องที่เก็บกู้ได้ มีองค์ประกอบหลายรายการได้แก่
1.ถังน้ำยาดับเพลิงสีแดง ขนาด 10 ปอนด์ ซึ่งเป็นภาชนะบรรจุดินระเบิด
2.ดินระเบิด C4 จำนวน 1/2 แท่ง
3.วิทยุสื่อสารที่ใช้จุดระเบิดด้วยระบบ DTMF
4.แบตเตอรี่ขนาด 1.5 โวลต์ จำนวน 23 ก้อนที่ถูกแพ็ครวมกัน
5.เชื้อปะทุไฟฟ้า M6 จำนวน 2 ดอก และฝักแคระเบิดยาว 1 ฟุต
6.กระสุนขนาด .50 จำนวน 1 นัด
7.เหล็กเส้นตัดท่อนขนาด 6 มิลลิเมตร ใช้เป็นสะเก็ดระเบิด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการพยายามสร้างสถานการณ์ความไม่สงบรายวันของผู้ก่อเหตุรุนแรง แต่โชคดีมีผู้พบเห็นคนร้ายและพบวัตถุระเบิดเสียก่อน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าเก็บกู้ไว้ได้ ลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นจากความรุนแรง
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา