คาสิโนถูกกฎหมาย ความเสี่ยงหรือโชคของสังคมไทย
การพนันถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าทั้งการพนันไก่ชน ปลากัด ไปจนถึงพนันบอลออนไลน์ และหวยใต้ดิน แม้ว่ารัฐไทยได้ออกกฎหมายสั่งห้ามการเล่นพนันหลายประเภท แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าประชาชนจำนวนมากยังคงวนเวียนอยู่ในวงการพนันผิดกฎหมาย ซึ่งหลีกเร้นอยู่ในแทบทุกมุมของสังคมไทย
“การพนันมันมีอยู่ในสังคมไทยอยู่แล้ว หากทำให้ถูกกฎหมาย เก็บภาษีเข้าประเทศได้ เอาเงินภาษีนั้นมาทำนโยบายให้คนยากจน กลุ่มเปราะบาง ก็เป็นเรื่องที่ดี ดีกว่าให้พวกเจ้ามือหรือผู้มีอิทธิพล เจ้าของบ่อนใต้ดินร่ำรวยขึ้นไปอีก” นาคร กล่าว
นาคร หินเด็จ พ่อค้าชาวเชียงใหม่ อายุ 47 ปี แสดงความคิดเห็นกับเบนาร์นิวส์ ในฐานะผู้ชื่นชอบการเสี่ยงดวง
ปี 2567 เป็นอีกครั้งที่ รัฐบาลพยายามเดินหน้าโครงการ ‘เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ (Entertainment Complex) ซึ่งมี ‘คาสิโน’ รวมอยู่ด้วย แนวทางดังกล่าวทำให้ประเด็นพนันถูกกฎหมายกลับมาเป็นที่ถกเถียงในสังคมไทย เพราะมีทั้งคนที่เห็นด้วย และคนที่คัดค้าน
นาคร หินเด็จ ชาวเชียงใหม่ อายุ 47 ปี เล่าถึงประสบการณ์การเล่นพนัน ที่อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 12 ตุลาคม 2567 (วิทยากร บุญเรือง/เบนาร์นิวส์)
“คาสิโนถูกกฎหมายมันดีอยู่แล้ว เพราะเงินเข้ารัฐไปบริหารประเทศ ถ้าเก็บภาษีส่วนอื่นลดลง ค่าครองชีพถูกขึ้น อะไรต่าง ๆ ก็ดีขึ้น ส่วนพวกการพนันบ้าน ๆ ไก่ มวย หวย ก็ควรทำให้ถูกกฎหมายทั้งระบบ โดยเฉพาะเรื่องไก่ชน เพราะเป็นเศรษฐกิจชุมชน ชาวบ้านอยู่กับไก่ชนมาตั้งแต่อดีตเป็นร้อยปี แต่ต้องมีระบบจัดการที่ดี” บำรุง อยู่ยืน เจ้าของซุ้มไก่ชน ในจังหวัดขอนแก่น วัย 36 ปี กล่าว
สำนักวิจัย Statista ประเมินว่า ปัจจุบัน การพนันออนไลน์ผิดกฎหมายในไทย มีมูลค่าสูงถึงกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นจนถึง 2.27 หมื่นล้านบาท ในปี 2570 ขณะที่ ผศ.ดร. นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า ในปี 2564 มีคนไทยเล่นพนันถึง 1.9 ล้านคน มีเงินไหลเวียนสูงถึง หนึ่งแสนล้านบาท
ความเสี่ยงที่อาจมาพร้อมกับคาสิโน
ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน (Center for Gambling Studies) ระบุว่า ประเทศไทยเคยมีคาสิโนถูกกฎหมายในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ได้ยุติลง เนื่องจากอ้างว่า มีประชาชนได้รับผลกระทบ แม้จะมีความพยายามจะรื้อฟื้นแนวคิดดังกล่าว แต่ถึงปัจจุบันก็ยังไม่สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม หลังจากรัฐบาลปัจจุบันมีท่าทีชัดเจนว่า พร้อมสนับสนุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รวมถึงคาสิโน ทำให้เอกชนจำนวนหนึ่งแสดงความสนใจที่จะร่วมลงทุน
รายงานก่อนหน้านี้ของคณะกรรมการรัฐสภาระบุว่า ประชาชนชาวไทยสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ 38% ในขณะที่ 80.67% สนับสนุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
“โครงการ ‘เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’ จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ และสร้างงาน” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว
ในด้านการส่งเสริมร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รัฐบาลชุดของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ได้กล่าวถึงความสำเร็จทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในอุตสาหกรรมคาสิโน โดยชี้ว่า ในครึ่งแรกของปี 2566 เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของสิงคโปร์ดึงดูดการลงทุนได้กว่า 3 แสนล้านบาท (8.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) และสร้างรายได้ภาษีประจำปีอย่างน้อย 2 หมื่นล้านบาท (591.59 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
“อุตสาหกรรมนี้ยังสร้างงานมากกว่า 20,000 ตำแหน่งในสิงคโปร์ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย” เศรษฐากล่าวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
คาสิโนที่ตั้งอยู่ในฝั่งของประเทศเมียนมา เมืองชเวโก๊กโก่ ที่เชื่อว่าเป็นศูนย์รวมการพนันต่าง ๆ ไว้ในเมืองแห่งนี้ ถ่ายจาก อ.แม่สอด จังหวัดตาก วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 (กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร-ไทยนิวส์พิกซ์/เบนาร์นิวส์)
อย่างไรก็ตาม ผศ.ดร. ณัฐกร วิทิตานนท์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า แม้รัฐบาลอยากเดินตามแบบการพัฒนาคาสิโนของญี่ปุ่นและสิงคโปร์ แต่ร่างกฎหมายยังทำได้ไม่ใกล้เคียงกับมาตรฐานของสองประเทศดังกล่าว
“ร่างกฎหมายของไทยยังขาดการกำหนดรายละเอียดสำคัญ เช่น สัดส่วนพื้นที่คาสิโนต่อธุรกิจอื่น ๆ ในโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั้งสิงคโปร์และญี่ปุ่นให้ความสำคัญ โดยกำหนดให้คาสิโนเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของโครงการขนาดใหญ่ที่รวมถึงสวนสนุก ศูนย์ประชุม และห้างสรรพสินค้า” ผศ.ดร. ณัฐกร กล่าวกับเบนาร์นิวส์
“ด้วยข้อบกพร่องเหล่านี้ จึงเกิดความกังวลว่าแทนที่จะพัฒนาตามแบบสิงคโปร์หรือญี่ปุ่น ธุรกิจคาสิโนในไทยอาจกลายเป็นแบบเดียวกับในลาว เมียนมา หรือกัมพูชา ซึ่งมีปัญหาด้านการกำกับดูแลและผลกระทบทางสังคม” ผศ.ดร. ณัฐกร กล่าวเพิ่มเติม
ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2562 จากฝั่งไทย จังหวัดเชียงราย แสดงให้เห็นการพัฒนาใหม่ข้างคาสิโนคิงส์โรมันส์ ริมแม่น้ำโขงในฝั่งลาวของสามเหลี่ยมทองคำ (ลิเลียน สุวรรณรัมภา/เอเอฟพี)
ความกังวลที่มีต่อคาสิโนถูกกฎหมาย
แม้การพนันและคาสิโนถูกกฎหมายอาจส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่กังวลว่าอาจสร้างปัญหาให้กับสังคมในมิติอื่น ๆ จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล (Women and Men Progressive Movement Foundation – WMP) มองว่า ทุนในอุตสาหกรรมการพนันส่วนใหญ่เป็นทุนสีเทา ที่ไม่โปร่งใส
“ถ้ารัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจแบบรวดเร็วด้วยการมีคาสิโนอยู่ในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ผมคิดว่าไม่น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากเท่าไหร่ และจะมีทุนสีเทาที่รัฐบาลอาจจะควบคุมไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง” จะเด็จ กล่าวกับเบนาร์นิวส์
ข้อมูลของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า ในปี 2564 มีคนไทยที่อายุเกิน 15 ปี ถึง 59.6% ที่เคยเล่นพนัน ซึ่งนับว่าเพิ่มขึ้น 6.3% จากปี 2562 โดยประเภทของการพนันที่เล่นมากที่สุด คือ สลากกินแบ่งรัฐบาล หวยใต้ดิน ไพ่ ทายผลฟุตบอล และอื่น ๆ
“ถ้ากฎหมายไม่เข้มแข็งและการบังคับใช้ไม่มีประสิทธิภาพ ย่อมก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนไทยเน้นลงทุนรวดเร็ว โดยไม่มีการเตรียมความพร้อม และไม่มีความโปร่งใส จะอันตราย ถ้าทุนสีเทาเข้ามา การเปิดคาสิโนจะไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ และในขณะที่เราต้องการให้เกิดการออมมากขึ้นเพื่อรองรับสังคมสูงวัย การพนันจะเป็นการกระตุ้นให้คนเสียเงิน” จะเด็จ กล่าว
เดือนกันยายน 2567 เครือข่ายเยาวชนซึ่งประกอบด้วย กลุ่มเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน, เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง, เครือข่ายบางกอกนี้ดีจัง และอื่น ๆ ได้ยื่นหนังสือถึง น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คัดค้านนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
“ควรเร่งยกเครื่องการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการพนันให้มีประสิทธิภาพ โดยการตั้งหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ มีอำนาจหน้าที่ที่มากพอ และมีความเป็นอิสระจากการแทรกแซงของฝ่ายใด ๆ ด้วยการคำนึงถึงอนาคตของเด็กและเยาวชนเป็นสำคัญ มากกว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่อาจได้ไม่มากพอกับความเสียหาย” เครือข่ายเยาวชน ระบุ
จะเด็จ ระบุว่า หากมีคาสิโนในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะไม่ใช่เพียงการแสวงหาความบันเทิง แต่ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปัญหาสังคม
“ถ้ากำหนดให้คนไทยที่จะเข้าไปเล่นพนันต้องมีเงิน 5,000 บาทขึ้นไป ก็จะกระตุ้นให้คนไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อเข้าไปเล่น จุดแข็งของไทยคือ วัฒนธรรม ธรรมชาติที่สวยงาม อาหารการกิน และผู้คนที่เป็นมิตร นักท่องเที่ยวที่มาไทย เขาไม่ได้มุ่งมาเล่นการพนัน” จะเด็จ กล่าวปิดท้าย
ที่มา: BenarNews ไทย