เปิดแผนตีโอบ “กะดุนง” บีบกลุ่มติดอาวุธอ่อนแรง ยอมมอบตัว
ผ่าน 3 วันปฏิบัติการปิดล้อมบ้านบือแนบาแด ต.กะดุนง อ.สายบุรี เจ้าหน้าที่พยายามเจรจากลุ่มติดอาวุธมอบตัว แต่ยังไม่เป็นผล ยังใช้ปืนยิงตอบโต้เป็นระยะ ส่งโดรนบินตรวจพบความเคลื่อนไหว 3-4 คน คาดผู้ก่อเหตุน่าจะอ่อนล้า อ่อนเพลีย สุดท้ายวางปืน แม่ทัพภาค 4 ย้ำไม่มุ่งใช้ความรุนแรง
วันพุธที่ 7 ก.ค.64 มีความคืบหน้าการปิดล้อมกลุ่มผุ้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นบ้านบือแนบาแด ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี โดยกำลังทหารหลัก ทหารพราน และตำรวจ ซึ่งผ่านวันที่ 3 แล้ว แต่ภารกิจยังไม่จบ นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการมาตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.
ล่าสุด พล.ต.คมกฤช รัตนฉายา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ได้มีคำสั่งให้เคลื่อนย้ายกำลังจากชุดปฏิบัติการที่จบภารกิจจากเหตุปะทะในพื้นที่ ต.เตราะบอน อ.สายบุครี มาสนับสนุนภารกิจปิดล้อมในป่า ท้องที่ ต.กะดุนง อ.สายบุรี เช่นกัน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่หลบหนีมาจากเหตุปะทะจุดแรก และมากบดานอยู่บริเวณป่ารถทึบ พร้อมยิงตอบโต้เจ้าหน้าที่ตลอดเวลา
ยุทธวิธีตอบโต้ของฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรง ก็คือ ยิงใส่ฝั่งเจ้าหน้าที่เป็นระยะ เพื่อให้ไขว้เขวและเสียสมาธิ จากนั้นจะใช้วิธีเคลื่อนย้ายหลบหนีออกจากจุดซ่อนตัวจากจุดหนึ่งไปอีกจุด เพื่อหาจังหวะแยกกันหลบหนีออกจากป่า
ส่วนอุปสรรคปัญหาของฝ่ายเจ้าหน้าที่ คือ พื้นที่เกิดเหตุเป็นป่ารก ยากต่อการเดินเท้าเข้าตรวจสอบ เพราะอาจเกิดอันตรายจากการถูกซุ่มโจมตี
ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ใช้โดรนตรวจจับความร้อนขึ้นบินดูความเคลื่อนไหวทุก 20 นาที เป็นการบินตรวจจากทางอากาศและดูสภาพภูมิประเทศไปในตัว โดยเฉพาะจุดที่คาดว่าเป็นจุดซ่อนตัวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เพื่อสนับสนุนข้อมูลให้ภาคพื้นดินได้วางแผน แต่ฝ่ายผู้ก่อเหตุได้พยายามยิงโดรนของเจ้าหน้าที่หลายครั้ง
การใช้โดรนขึ้นตรวจสอบพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีประมาณ 3-4 คน ยังคงมีการเคลื่อนย้ายจุดซ่อนตัวต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้สามารถจับพิกัดได้แน่นอน ขณะที่สถานการณ์ในตอนกลางวัน ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังกันอยู่ โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่มีแผนให้ผู้นำศาสนาเข้าไปช่วยเจรจาอีกครั้ง
พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการปิดล้อมว่า ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลา 06.30 น. ได้มีปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ก่อเหตุรุนแรงใน 2 พื้นที่ โดยในพื้นที่แรกที่จบภารกิจไปแล้วตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. คือ บ้านชะเมาสามต้น ต.เตราะบอน อ.สายบุรี มีผู้เสียชีวิต 2 ราย
และจุดที่ 2 ที่บ้านบือแนบาแด ต.กะดุนง อ.สายบุรี ซึ่งมีการปิดล้อมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงพร้อมๆกัน โดยวันที่ 7 ก.ค.นับเป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งการปฏิบัติที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ปิดล้อมและใช้การเจรจาเป็นหลัก มีผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาเข้ามาร่วมในการเกลี้ยกล่อมให้ยอมวางอาวุธและมอบตัว
โดยการปฏิบัติใน 2 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เน้นในเรื่องของการปิดล้อมที่จะไม่ให้ผู้ก่อเหตุเล็ดลอดออกมาได้ รวมทั้งในเรื่องของการพยายามเจรจาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่เป็นผล ผู้ก่อเหตุรุนแรงที่หลบซ่อนอยู่ได้ยิงตอบโต้ออกมาเป็นระยะๆ ทางเจ้าหน้าที่ก็ใช้โดรนบินเข้าไปสำรวจและตรวจดูความเคลื่อนไหวตลอดทั้ง 3 วัน ก็ยังพบความเคลื่อยไหวของผู้ก่อเหตุรุนแรงอยู่
สำหรับผู้ก่อเหตุรุนแรงที่จับความเคลื่อนไหวได้เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 ก.ค. มีอยู่ 2 คนที่วิ่งไปวิ่งมาอยู่ในจุดหลบซ่อน ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ประเมินเอาไว้ตั้งแต่วันแรกว่า ผู้ก่อเหตุรุนแรงอาจจะมี 6-7 คน แต่ล่าสุดหลังจากที่ติดตามความเคลื่อนไหวมา 2 วัน คาดว่าน่าจะมีประมาณ 3-4 คนเป็นอย่างน้อยที่อยู่ในจุดหลบซ่อน การปฏิบัติก็ยังยึดมั่นในเรื่องของการเจรจาให้ผู้ก่อเหตุออกมามอบตัว ออกมาต่อสู้กันทางกฎหมาย ออกมาพิสูจน์ตัวเอง เจ้าหน้าที่ไม่อยากที่จะใช้ความรุนแรง เพราะความรุนแรงก็มีแต่ความสูญเสีย
“วันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ผู้ก่อเหตุรุนแรงที่หลบซ่อนอยู่น่าจะมีความอ่อนล้า อ่อนเพลีย เจ้าหน้าที่ที่ปิดล้อมอยู่ก็ไม่รุกเข้าไป เพราะเราต้องการที่จะเจรจา ให้เขายอมออกมามอบตัว ซึ่งเราก็พยายามใช้การเจรจาเป็นหลัก คาดว่าการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในจุดนี้ น่าจะไม่เกินวันพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็น่าจะเสร็จสิ้น” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน.กล่าว
ด้าน พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ได้สั่งการเป็นนโยบายไม่ให้ใช้อาวุธหนัก หรือความรุนแรง เพราะต้องการให้เวลากลุ่มผู้ก่อเหตุได้คิดทบทวน และเจรจาให้ยอมมอบตัว
สำหรับปัญหาของการปฏิบัติงาน ก็คือ พื้นที่เกิดเหตุเป็นป่าสาคูรกทึบ ทำให้ปฏิบัติการยาก ขณะนี้พบฐานที่มั่น น่าจะเป็นฐานพัก ตั้งมาไม่น้อยกว่า 3 เดือน โดยฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงน่าจะมี 3-4 คน และเป็นกลุ่มเดียวกับที่ปะทะจุดแรกใน ต.เตราะบอน อ.สายบุรี แต่แยกกลุ่มกันเดินทางและหลบหนี
ที่มา : https://www.isranews.org/article/south-news/south-slide/100269-saiburibattle.html